Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors

เรียนไปเครียดไป? ลองใช้ "โมเดลความสนุก" เปลี่ยนโปรเจกต์กลุ่มให้เวิร์กและสุขกว่าเดิม!

เคยไหม? เวลาต้องทำโปรเจกต์กลุ่มในมหาวิทยาลัย… ความรู้สึกตื่นเต้นในตอนแรกมักจะค่อยๆ จางหายไป แล้วถูกแทนที่ด้วยความเครียด ความขัดแย้ง และคำถามที่ว่า “เมื่อไหร่จะเสร็จสักที” โดยเฉพาะการเรียนในยุคใหม่ที่เน้นให้เราทำงานจริง แก้ปัญหาจริงให้กับบริษัทต่างๆ หรือที่เรียกว่า “การเรียนรู้เชิงบูรณาการกับการทำงาน” (Work-Integrated Learning) ซึ่งแม้จะทำให้เราได้ประสบการณ์ แต่ก็แฝงมาด้วยความกดดันมหาศาล

แต่จะดีแค่ไหน ถ้าเราสามารถเปลี่ยนบรรยากาศตึงเครียดเหล่านี้ให้กลายเป็นความสนุก ความร่วมมือ และสร้างผลงานที่ดีไปพร้อมๆ กับการดูแลใจของเรา?

นี่คือที่มาของงานวิจัยสุดสร้างสรรค์จากทีมนักวิชาการในนอร์เวย์ ออสเตรเลีย และแคนาดา ที่ได้ทดลองใช้สิ่งที่เรียกว่า “โมเดลความสนุก” (Fun Model) เพื่อช่วยให้นักศึกษาผ่านพ้นช่วงเวลาทำโปรเจกต์ไปได้อย่างมีความสุขมากขึ้น และผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าสนใจมากทีเดียวค่ะ

ไม่ใช่แค่เล่นๆ แต่คือ “จิตวิทยาเชิงบวก”

ก่อนจะไปดูว่าโมเดลนี้ทำอย่างไร ต้องบอกก่อนว่า “ความสนุก” ในที่นี้ไม่ใช่แค่การเล่นสนุกไปวันๆ แต่เป็นแนวคิดที่อิงจากหลัก “จิตวิทยาเชิงบวก” (Positive Psychology) ที่เชื่อว่าการสร้างอารมณ์เชิงบวกและความสัมพันธ์ที่ดีคือกุญแจสำคัญของความสุขและความสำเร็จของมนุษย์

โมเดลความสนุกจึงเป็นเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างสองสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นจริงในการทำงานกลุ่มนั่นเอง

ถอดรหัส “โมเดลความสนุก” 3 ขั้นตอนง่ายๆ ที่ใครก็ทำตามได้

โมเดลนี้ไม่ได้ซับซ้อนเลยค่ะ และสามารถนำไปปรับใช้ได้ทั้งในห้องเรียน ที่ทำงาน หรือแม้แต่กิจกรรมในครอบครัว ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลักๆ ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1: ทำให้ “ความสนุก” เป็นเรื่องสำคัญ (Make Fun a Priority)

จุดเริ่มต้นคือการเปลี่ยนมุมมองของทุกคนในทีม ให้เห็นว่า “ความสนุก” ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ แต่เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ

  • ทำอย่างไร?
    • – ใส่ไว้ในข้อตกลงทีม: ตอนที่ตกลงเรื่องบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบ ให้เพิ่มหัวข้อ “เราจะสร้างความสนุกในการทำงานร่วมกันได้อย่างไร?” เข้าไปด้วย อาจจะมีการตั้ง “ประธานฝ่ายความสนุก” หมุนเวียนกันไปในแต่ละสัปดาห์ก็ได้
    • – เริ่มต้นด้วยกิจกรรมละลายพฤติกรรม (Icebreaker): แทนที่จะกระโจนเข้าสู่เนื้อหางานทันที ลองใช้เวลา 5-10 นาทีแรกในการทำกิจกรรมง่ายๆ เพื่อสร้างเสียงหัวเราะและความคุ้นเคย

ในงานวิจัยพบว่า แค่การยอมรับว่าความสนุกเป็นสิ่งสำคัญ ก็ช่วยเปิดใจให้สมาชิกในทีมกล้าที่จะสร้างสรรค์และเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น

ขั้นตอนที่ 2: นิยาม “ความสนุก” ในแบบของทีมคุณ (Decide What Fun Means for Your Team)

ความสนุกของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สิ่งสำคัญคือการหาจุดร่วมว่า “ความสนุก” สำหรับทีมเราคืออะไร

  • ทำอย่างไร?
    • เปิดโหวตหรือระดมสมอง: ให้ทุกคนเสนอไอเดียว่ากิจกรรมอะไรที่จะทำให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลายและสนุก เช่น
      • – นัดกันไปกินข้าว ปิคนิค หรือเล่นบอร์ดเกมหลังเลิกเรียน
      • – เปิดเพลงที่ชอบคลอไประหว่างทำงาน
      • – ตั้งชื่อกลุ่มหรือชื่อโปรเจกต์แบบขำๆ
    • ให้นักศึกษาเป็นคนนำ: ความสนุกที่เกิดจากความต้องการของทีมเอง มักจะได้ผลดีกว่าการถูกบังคับจากอาจารย์หรือหัวหน้า

ผลการศึกษาชี้ว่า เมื่อนักศึกษาได้ทำกิจกรรมสนุกๆ ที่พวกเขาเลือกเอง มันไม่เพียงแต่ช่วยลดความเครียด แต่ยังทำให้พวกเขา เปิดใจรับฟังความคิดเห็น (Feedback) จากคนอื่นมากขึ้น เพราะความสัมพันธ์ในทีมดีขึ้นนั่นเอง

ขั้นตอนที่ 3: รักษาและฉลองความสนุกไปด้วยกัน (Sustain and Celebrate Fun)

ความสนุกไม่ใช่สิ่งที่ทำครั้งเดียวแล้วจบ แต่ต้องทำให้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการทำงานอย่างสม่ำเสมอ

  • ทำอย่างไร?
    • – สร้าง “พื้นที่ปลอดภัย” (Safe Zone): จัดให้มีช่วงเวลาที่ทุกคนสามารถพูดคุยเรื่องอื่นนอกจากเรื่องงานได้โดยไม่รู้สึกผิด เช่น เริ่มต้นการประชุมด้วยการให้แต่ละคนเล่า “เรื่องดีๆ ที่ทำให้ยิ้มได้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา”
    • – ฉลองความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ: ไม่ต้องรอให้โปรเจกต์เสร็จสมบูรณ์ แค่ทำงานได้ตามเป้าหมายย่อยๆ ก็สามารถฉลองร่วมกันได้ เช่น การสั่งขนมมาเลี้ยงกัน
    • – เปลี่ยนเรื่องซีเรียสให้สร้างสรรค์: ลองใช้กิจกรรมวาดรูปเพื่ออธิบายแนวคิดที่ซับซ้อนแทนการพูดคุยอย่างเดียว วิธีนี้ช่วยให้ทุกคนกล้าแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย

การสร้างบรรยากาศแบบนี้อย่างต่อเนื่อง จะทำให้ทีมรู้สึกปลอดภัยทางใจ กล้าลองผิดลองถูก และช่วยเหลือกันมากขึ้น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานร่วมกันให้สำเร็จ

บทสรุป: ความสนุกไม่ใช่ทางเลือก แต่คือกลยุทธ์

ผลลัพธ์จากงานวิจัยยืนยันชัดเจนว่า ทีมที่นำ “โมเดลความสนุก” ไปใช้ มีแนวโน้มที่จะมีความสัมพันธ์ในทีมดีขึ้น จัดการความขัดแย้งได้ดีกว่า และมีสุขภาวะทางใจที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

แน่นอนว่าอาจมีบางคนที่ยังรู้สึกเขินอายหรือไม่คุ้นเคยกับการมี “ความสนุก” ในบรรยากาศการทำงานที่จริงจัง แต่หัวใจสำคัญคือการ “สร้างทางเลือก” ไม่ใช่การบังคับ

การจงใจแบ่งเวลาให้กับความสนุก ไม่ใช่เรื่องเสียเวลา แต่คือการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อให้การเรียน การทำงาน และการใช้ชีวิตของเรามีประสิทธิภาพและมีความสุขมากขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นนักศึกษา อาจารย์ หรือคนทำงาน ลองนำ “โมเดลความสนุก” ทั้ง 3 ขั้นตอนนี้ไปปรับใช้ แล้วคุณอาจจะค้นพบว่า… ผลงานที่ยอดเยี่ยมกับรอยยิ้ม สามารถเกิดขึ้นพร้อมกันได้จริงๆ ค่ะ

อ้างอิงจากงานวิจัย: Hauglid, B. B., Hains-Wesson, R., & Fannon, A-M. (2025). Utilizing a fun model: Supporting students’ wellbeing in project-based work-integrated learning. International Journal of Work-Integrated Learning, 26(1), 143-157.

แปลโดย
นางสาวอิงจันทร์ วัตรุจีกฤต
ศูนย์สหกิจศึกษาและพัฒนาอาชีพ