10 พฤศจิกายน 2566
บทความโดย อาจารย์ นพ. จักรกฤษณ์ จูห้อง
อาจารย์สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิก
สำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
วุ้นตาคืออะไร ?
วุ้นตา (vitreous) มีลักษณะเจลใสหนืดคล้ายไข่ขาวอยู่ภายในลูกตาส่วนหลัง มีปริมาตรถึง 4 ใน 5 ของลูกตา ประกอบด้วยน้ำถึง 99% ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้แสงผ่านไปได้ เลี้ยงเซลล์ต่างๆในลูกตา ตลอดจนทำให้ลูกตาทรงรูปอยู่ได้
ขอบคุณภาพจาก Herbitia
วุ้นตาเสื่อม และอาการแสดง
วุ้นตาเสื่อม (Vitreous Degeneration) เป็นภาวะเสื่อมตามธรรมชาติของน้ำวุ้นตา ที่มักจะเกิดขึ้นกับคนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป แต่ปัจจุบันสามารถเกิดได้กับทุกวัยอันเนื่องมาจากการใช้สายตาที่มากขึ้น ตัวการสำคัญที่ทำให้น้ำวุ้นตาเสื่อมคืออายุที่มากขึ้น ทำให้น้ำวุ้นตาที่ควรมีลักษณะเป็นเจลหนืดใส สลายตัวเป็นน้ำ เกิดการหดตัว และจับตัวเป็นก้อน หรือเป็นเส้นภายในลูกตา ซึ่งมีลักษณะทึบแสง ทำให้เห็นจุดสีดำ หรือหยากไย่ลอยไป ลอยมา บางคนอาจเห็นแสงแฟลชในที่มืดได้
ปัจจัยเสี่ยงทำให้วุ้นตาเสื่อมเร็วกว่าปกติ
- ความเสื่อมตามวัย มักจะพบในผู้ป่วยอายุ 50 ปีขึ้นไป
- ภาวะเลือดออกในน้ำวุ้นตา จากอุบัติเหตุ หรือโรคที่เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือด
- การอักเสบในลูกตา
- ภาวะสายตาสั้นมาก ๆ
- การใช้สายตาจ้องหน้าจอนาน ๆ
การวินิจฉัยวุ้นตาเสื่อม
เบื้องต้นจักษุแพทย์จะสอบถามประวัติ อาการ และทำการขยายรูม่านตา เพื่อตรวจน้ำวุ้นตาและจอประสาทตาอย่างละเอียดด้วยกล้องตรวจตา (Slit Lamp)
การรักษาวุ้นตาเสื่อม
วุ้นตาเสื่อม โดยมากไม่จำเป็นต้องรักษา การเห็นเงาดำลอยไปมาในตาอาจก่อให้เกิดความรำคาญ แต่จะไม่ทำให้เกิดอันตรายใดๆ ซึ่งโดยทั่วไปสมองจะปรับตัวได้ และอาการจะค่อยๆลดลงและหายไปในที่สุด การรักษาที่มีในปัจจุบัน ได้แก่
- การกำจัดเงาตะกอนโดยการใช้เลเซอร์ เป็นการใช้เลเซอร์ชนิดพิเศษทำให้เงาตะกอนแตกตัวเล็กลง และสลายไป การรักษาด้วยเลเซอร์มีความเสี่ยงที่อาจทำให้จอประสาทตาได้รับความเสียหายหากไม่ได้ทำการรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสม
- การผ่าตัดระบบวุ้นตา/จอประสาทตา โดยการนำวุ้นตาออกและใส่สารละลายน้ำเกลือเข้าไปแทนที่เพื่อคงรูปของดวงตา แต่ก็มีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัด เช่น ต้อกระจก เลือดออกในวุ้นตา จอประสาทตาฉีกขาด หรือการติดเชื้อหลังผ่าตัด
แม้ว่าส่วนใหญ่วุ้นตาเสื่อมมักเกิดจากความเสื่อมตามวัยอย่างไรก็ตามเมื่อเริ่มสังเกตเห็นอาการผิดปกติควรพบจักษุแพทย์อย่างเร่งด่วนเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุอื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวข้องและเข้ารับการรักษาที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุดก่อนโรคจะรุนแรงและมีโอกาสสูญเสียการมองเห็นถาวร