Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors

การจัดการความเสี่ยง

สำนักวิชาการบัญชีและการเงิน (School of Accountancy and Finance: SAFE) เป็นหน่วยงานหนึ่งของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามที่สภามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ในการประชุมครั้งที่ 5/2565 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2565 โดยแยกหลักสูตรบัญชีบัณฑิต หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (การจัดการธุรกิจและการเงินยุคดิจิทัล) หลักสูตรเศรษฐศาสตร์บัณฑิต หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาการจัดการนวัตกรรมและการพัฒนาธุรกิจ และหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาการจัดการนวัตกรรมและการพัฒนาธุรกิจ จากสำนักวิชาการจัดการ โดยมีภารกิจหลักในการผลิตบัณฑิตทางด้านการบัญชี การเงิน และเศรษฐศาสตร์ ซึ่งทุกหลักสูตรล้วนเกี่ยวข้องกับการบริหารทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้ก่อเกิดประโยชน์สูงสุด หนึ่งในมุมมองการบริหารยุคใหม่คือ การรับมือกับอุบัติภัยที่เกิดขึ้น เช่นการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ทำให้ธุรกิจต้องย้อนกลับมาพิจารณามาตรการรับมือกับเหตุการไม่พึงประสงค์
 

การจัดการความเสี่ยง ภาค1 (Risk management: Part1)

เมื่ออ้างถึงอนาคต มีเพียงสิ่งเดียวที่เป็นความแน่นอนคือ ความไม่แน่นอนของเหตุการณ์ ซึ่งเป็นที่มาของเหตุไม่ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าซึ่งแบ่งเป็น โอกาส คือ เหตุการณ์ที่มีความไม่แน่นอนแต่สร้างมูลค่าเพิ่ม ต่อการบรรลุเป้าหมายขององค์กร กับความเสี่ยง คือ เหตุการณ์ที่มีความไม่แน่นอน ซึ่งส่งผลกระทบในเชิงลบต่อการบรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายขององค์กร ซึ่งในการดำเนินการองค์กรต้องเผชิญกับความเสี่ยงซึ่งเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับอนาคต เช่น องค์กรเอกชน ลงทุนเพื่อต้องการได้กำไรตามที่คาดหวังไว้ องค์กรภาครัฐ บริหารงานตามเป้าประสงค์ที่คาดหวังไว้ ดังนั้นความเสี่ยงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการตัดสินใจ จึงเป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้

ประเภทของความเสี่ยง

  1. ความเสี่ยงตามที่ปรากฏและความเสี่ยงตามความคิด
  2. ความเสี่ยงที่แท้จริงและความเสี่ยงจากการเก็งกำไร
  3. ความเสี่ยงพื้นฐานและความเสี่ยงเฉพาะ
  4. ความเสี่ยงที่เรียนรู้ได้และความเสี่ยงที่ไร้แบบแผน

การจัดการความเสี่ยง

  1. วิธีการจัดการเพื่อการคาดการณ์และลดผลเสียของความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นแก่องค์กร ทั้งนี้เพื่อให้องค์กรบรรลุวัตถุประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น (นฤมล, 2550)
  2. กระบวนการที่ที่ช่วยในการกำหนดกลยุทธ์และดำเนินงาน โดยกระบวนการบริหารความเสี่ยงได้รับการออกแบบเพื่อให้สามารถบ่งชี้เหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นและมีผลกระทบต่อองค์กร และสามารถจัดการความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่องค์กรยอมรับได้ (Committee of Sponsoring Organisations of The Treadway Commision : COSO)

ประโยชน์ของการจัดการความเสี่ยง

  1. ความสอดคล้องระหว่างกลยุทธ์กับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  2. ช่วยให้ตัดสินใจตอบสนองต่อความเสี่ยงได้ดีขึ้น
  3. ลดอุปสรรคหรือความสูญเสียจากเหตุไม่คาดหวัง
  4. การระบุและจัดการกับความเสี่ยงที่ครอบคลุมทั่วถึง
  5. การสร้างโอกาส

การจัดการความเสี่ยง ภาค2 (Risk management: Part2)

ประวัติของการจัดการความเสี่ยง

การจัดการความเสี่ยงถูกพัฒนาจากหลากหลายสาขาวิชา เช่น คณิตศาสตร์  ความปลอดภัย  การประกันภัย  การลงทุน  อนุพันธ์ทางการเงิน และควบคุมภายใน

การจัดการความเสี่ยงเป็นหนึ่งในแนวคิดที่แยกยุคเก่าและยุคใหม่ของการพัฒนาของมนุษย์  ในยุคดึกดำบรรพ อนาคตถูกเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ตัดสินโดยพระเจ้า มนุษย์เป็นเพียงผู้รับบันชาแห่งพระเจ้า จนถึงยุคที่มนุษย์ค้นพบวิธีที่จะเอาชนะขอบเขตนี้ในอนาคตจะเป็นภาพสะท้อนจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาที่สามารถเข้าใจได้โดยการวัดและประเมินผลกระทบของเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น

วิธีการทั้งหมดเริ่มต้นในมันเป็นยุคเรเนสซองเมื่อคนได้รับอนุญาตให้สำรวจ คิดค้น และทดลองศักยภาพ นับเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ที่มีต่อความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในช่วงที่ศาสนาเริ่มเสื่อมระบบทุนนิยมที่เป็นวิทยาศาสตร์ถูกพัฒนา

คณิตศาสตร์

แม้ว่าเกมของโอกาสและการเล่นการพนันถูกแสดงไว้ในภาพวาดในสุสานอียิปต์ 3500 คริสต์ศักราชมันไม่ได้รับการพัฒนาจนยุคเรเนสซอง เมื่อ Peter Bernstein ใช้แนวคิดเกี่ยวกับความเสี่ยงในการพัฒนาระบบเลขทางคณิตศาสตร์พื้นฐานความเข้าใจเกี่ยวกับความน่าจะเป็นในขั้นสำคัญที่นำสู่ความรู้ทางด้านสถิติ โดยGirolamo Cardanoเขียนหนังสือชื่อว่า Liber de Ludo Aleae   (หนังสือแห่งเกมของโอกาส”) ซึ่งศึกษาความน่าจะเป็นในการเล่นไพ่, โยนลูกเต๋าและการพนันอื่น

ความรู้ด้านคณิตศาสตร์ได้ประโยชน์จากการพัฒนาฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น การเกิดและการตาย ทำให้หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการสุ่มตัวอย่างตารางคณิตศาสตร์และวิธีการเพื่อทำนายพฤติกรรมและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประชากรนั้นเป็นไปได้

ความปลอดภัยในงานอุตสาหกรรม

การปฏิวัติอุตสาหกรรมก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดจากเครื่องจักร โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการประดิษฐ์เครื่องจักรไอน้ำ ซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์สร้างขึ้นแล้วก่อให้เกิดอุบัติเหตุที่ส่งผลให้เกิดการสูญเสียชีวิตมนุษย์เป็นจำนวนมาก โดยในปี 1838, สภาคองเกรสของสหรัฐฯได้ออกกฎหมายเพื่อปกป้องอุบัติเหตุจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม ในปี 1852 สภาคองเกรสผ่านพระราชบัญญัติในการควบคุมเครื่องจักรไอน้ำเพื่อสร้างมาตรฐานความปลอดภัย

การประกันภัย

เครื่องมือทางการเงินที่ช่วยลดความเสี่ยงสำหรับบุคคลหรือการร่วมรับภาระทางการเงินที่อาจเกิดขึ้น สามารถระบุที่มาถึงปลายศตวรรษที่18 เมื่อมันถูกใช้ในการเดินเรือ

Lloyds ของกรุงลอนดอน เป็นบริษัทประกันภัยที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกที่เกิดในร้านกาแฟที่อยู่ใกล้กับอาคารของกรุงลอนดอนใน 1687 ในส่วนหนึ่งเพราะร้านค้าที่เป็นสถานที่ชุมนุมสำหรับกัปตันเรือที่ใช้ร่วมกันข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางที่ผ่านมาและกำลังจะเกิดขึ้น เส้นทางที่สภาพอากาศและอันตราย

ผู้ที่ต้องการมีส่วนร่วมในความเสี่ยงที่อาจจะลงชื่อเข้าใช้ชื่อของพวกเขาบนกระดานที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขของสัญญาที่ทุกคนสามารถดูความต้องการ ระยะที่เกิดการใช้งานสำหรับการประกันภัยยังคงขยายการปกป้องบุคคลและกลุ่มจากความหลากหลายของอันตราย

การลงทุน

การศึกษาเรื่องผลตอบแทนและความเสี่ยงถูกพัฒนามาพร้อมกับการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ โดยมีสองประเด็นคือ

  1. การวัดความเสี่ยงของหลักทรัพย์
  2. Individual security risk: when the return is analyzed in isolation. This provides a starting point.
  3. Portfolio risk: when the return is analyzed in a portfolio. This is what matters in reality when people hold portfolios.
  4. การบริหารความเสี่ยงโดย Diversification
  5. Unique risk
  6. Systematic risk or market risk
  7. การวัดความเสี่ยงของตลาด (Measure market risk: beta)
  8. CAPM

การจัดการความเสี่ยง ภาค3 (Risk management: Part3)

การวัดความเสี่ยงเงินลงทุนในหลักทรัพย์

การลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความเป็นไปได้ที่ให้ผลตอบแทนสูงมากหรือต่ำมาก จะมีความเป็นไปได้น้อยที่จะคาดการณ์ผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างแม่นยำ

การวัดความแปรปรวนของผลตอบแทนจากการลงทุนในหลักทรัพย์จะใช้เป็นดัชนีในการชี้วัดระดับความเสี่ยง

Variance – Weighted average value of squared deviations from mean.

Standard Deviation – Squared root of variance.

การกระจายความเสี่ยงโดยสร้าง Portfolio diversification เป็นการเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความแตกต่างและหลากหลาย

การ Diversification ไม่ใช่การถือหุ้นจำนวนมากเท่านั้น การถือหุ้นในอุตสาหกรรมเดียวกันเป็นจำนวนไม่มาก ไม่จัดเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยนัก

อนุพันธ์ทางการเงินถูกนำมาใช้ในการบริหารความเสี่ยงทางการตลาด แต่แนวคิดของอนุพันธ์ทางการเงินเป็นแนวคิดที่ไม่ใหม่และมีการนำมาใช้ตั้งแต่หลายศตวรรษที่แล้ว

อริสโตเติล กล่าวถึง แนวคิดของ Option– ตราสารทางการเงินที่ช่วยให้บุคคลที่จะซื้อและขายสินค้าจากคนอื่นในราคาที่จัดไว้ล่วงหน้า กว่าสี่ร้อยปีที่แล้วมันถูกนำมาใช้ในตลาดดอกทิวลิป

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะใช้ในการป้องกันความเสี่ยงหรือป้องกันการสูญเสียทางการเงินและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในสภาวะที่มีความผันผวน มันถูกใช้ในการจัดการเมล็ดพืชผลผลิตทางการเกษตรและเนื้อหมู โดย New York Stock Exchange เป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งแรกที่อนุญาตทำการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า

การจัดการความเสี่ยง ภาค4 (Risk management: Part4)

การควบคุมภายใน

การควบคุมภายในเป็นกระบวนการ มันเป็นความหมายถึงการสิ้นสุดการไม่สิ้นสุดในตัวเอง มันเป็นผลกระทบจากคน. มันไม่ได้เป็นเพียงคู่มือนโยบายและรูปแบบ แต่คนที่อยู่ในระดับขององค์กรทุก การควบคุมภายในที่สามารถคาดหวังที่จะให้เฉพาะเชื่อมั่นอย่างสมเหตุสมผลการประกันไม่แน่นอนในการบริหารจัดการของกิจการและคณะกรรมการ มันเป็นความมุ่งไปที่ความสำเร็จของวัตถุประสงค์ในหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งประเภทแยกจากกัน แต่ที่ทับซ้อนกัน

การระบุและวิเคราะห์ความเสี่ยงหลักของ บริษัท ซึ่งอาจเรียกร้องให้ดำเนินการควบคุมการถ่ายโอนจากผลกระทบทางการเงินหรือการปรับตัวของโครงสร้างองค์กร การควบคุมที่จะต้องดำเนินการเป็นส่วนหนึ่งของระบบการควบคุมภายใน ในวิธีการนี้ระบบการควบคุมภายในมีส่วนช่วยในการจัดการความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในกิจกรรมของ บริษัท ฯ

โดยมีบทเรียนจากความเสี่ยงระดับองค์กรที่ไม่มีการบริหารจัดการอย่างเหมาะสม เช่น บริษัท World Com, สหรัฐอเมริกา ธนาคาร Baring Bank, สหราชอาณาจักร บริษัท Enron, สหรัฐอเมริกา บริษัท State Farm Mutual Auto, สหรัฐอเมริกา ธนาคาร Bankgesellschaft Berling, เยอรมัน ธนาคารพาณิชย์ไทย

การจัดการความเสี่ยง ภาค5 (Risk management: Part5)

วิกฤตเศรษฐกิจ 2540 นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนแบบตะกร้าเงิน

ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 6 เปิดเสรีทางการเงิน เปิดวิเทศธนกิจ พร้อมกับใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบตะกร้าเงินผูกค่าเงินบาทไว้กับดอลลาร์เกือบจะคงที่ ทำให้นโยบายการเงินใช้ไม่ได้ผล ขณะที่ดอกเบี้ยในประเทศสูงกว่าภายนอก ต้นทุนการกู้เงินจากต่างประเทศต่ำกว่าในประเทศ ทั้งยังไม่มีการบริหารความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ภาคเอกชนกู้เงินจากต่างประเทศมาลงทุนเกินตัว ในปี 2539 มีหนี้สินต่างประเทศต่อรายได้ประชาชาติ 50.14 เปอร์เซ็นต์ ทั้งที่ปกติหากเกิน 10 เปอร์เซ็นต์ก็นับว่า เข้าสู่ขีดอันตรายแล้ว

กรุงเทพวิเทศธนกิจ

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท) ในนโยบายพัฒนาไทยให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินในภูมิภาคโดยออกใบอนุญาตให้สถาบันการเงินจำนวน 49 แห่งดำเนินการเพื่อ

  1. กู้ยืมเงินจากต่างประเทศเพื่อการกู้ยืมภายในประเทศ (Out-In financing) เพื่อรองรับเศรษฐกิจที่ขยายตัวโดยเชื่อว่าจะช่วยธุรกิจในการลดต้นทุนการกู้ยืมเงิน
  2. กู้ยืมเงินจากต่างประเทศเพื่อการกู้ยืมภายนอกประเทศ (Out-Out financing) โดยสถาบันการเงินจะได้รับค่าธรรมเนียมจากธุรกรรม
  3. กู้ยืมเงินจากในประเทศเพื่อการกู้ยืมไปยังต่างประเทศ (In-Out financing) แต่เนื่องจากปริมาณเงินออมภายในประเทศไม่เพียงพอ การดำเนินธุรกรรมส่วนนี้จึงไม่เคยเกิดขึ้น
  4. การซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ อาวัล รับรอง และค้ำประกัน

ความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชน

การลงทุนของภาคเอกชนขยายการเติบโตของภาคเศรษฐกิจแบบไม่ยั่งยืน มีหลายโครงการที่กู้เงินมาเพื่อประหยัดดอกเบี้ย และมีประเภทกู้เงินมาเพื่อทำโครงการเข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยกู้เงินจากสถาบันการเงินในระยะสั้น แต่กลับนำไปลงทุนที่จะได้รับผลตอบแทนในระยะยาว

ลงทุนด้วยการเพิ่มปัจจัยการผลิตแรงงานทุน แต่ไม่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปัจจัยผลิต ทำให้ปัจจัยผลิตแพงขึ้น เมื่อค่าเงินบาทที่แท้จริงสูงขึ้นจากค่าเงินสหรัฐแข็งขึ้น ความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศจึงลดลง การส่งออกก็ลดลงตาม

เมื่อการส่งออกลดลง ภาคธุรกิจไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้ได้ มาตรการควบคุมและตรวจสถาบันการเงินที่ต้องเข้มงวดเรื่องความเพียงพอของเงินกองทุน และคุณภาพสินทรัพย์กลับผ่อนคลายลง หนี้เสียของธนาคารและสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น

การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงานสนามกอล์ฟ สวนเกษตร เติบโตอย่างมาก ในช่วงปี 2530-2539

จากการที่รัฐบาลอนุญาตให้มีธุรกรรมวิเทศธนกิจ ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกต่ำกว่าในประเทศมาก จึงทำให้ผู้ประกอบการหันไประดมทุนจากต่างประเทศพร้อมกับระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์

โหมการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศ และจากการที่ราคาอสังหาริมทรัพย์และที่ดินเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงก่อให้เกิดอุปสงค์เพื่อเก็งกำไร และดึงดูดให้ผู้ประกอบการสมัครเล่นหันมาทำธุรกิจประเภทนี้อย่างกว้างขวาง ซึ่งกล่าวได้ว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นภาคที่เกิดภาวะฟองสบู่

Facebook Comments Box