Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors

Soft Power ของไทย ความงดงามและอ่อนไหวทางวัฒนธรรม

แนวคิด Soft power (SP) ได้ถูกอธิบายไปแล้วในบล็อก “Soft Power คืออะไร มาจากไหน ทำไมสื่อไทยถึงพูดถึงคำนี้บ่อยขึ้น” แสดงให้เห็นถึงความนิยมในการใช้วัฒนธรรม อุดมคติทางการเมือง และนโยบายต่างประเทศ เป็นเครื่องมือในการสร้างความได้เปรียบทางการเมือง ความได้เปรียบทางเศรษฐกิจ ไปจนถึงถึงการสร้างความเข้าใจร่วมทางวัฒนธรรม ความรักและสันติภาพ อันเป็นเป้าหมายสูงสุดที่เจ้าของแนวคิดได้กำหนดมุดหมายเอาไว้ 

การสร้าง SP ของไทยดำเนินการผ่านหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม ในส่วนของภาครัฐทำงานส่งเสริมกันในหลายกระทรวง รวมเรียกว่าทีมประเทศไทย โดยมีกระทรวงการต่างประเทศเป็นแม่งาน กระทรวงพาณิชย์ (การส่งออกสินค้าวัฒนธรรม) กระทรวงวัฒนธรรม (การนำเสนอวัฒนธรรม) และกระทรวงการท่องเที่ยวฯ (การท่องเที่ยวและการอุปโภคบริโภคสินค้าท่องเที่ยว) เป็นทีมสนับสนุนหลัก และมีกระทรวงและหน่วยงานอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องในกิจกรรมฯ อีกเป็นจำนวนมาก ขึ้นอยู่กับประเภทของกิจกรรมและลักษณะของวัฒนธรรมที่ใช้ 

อย่างเช่นการใช้ “ผ้าไหมไทย” ในการส่งออกวัฒนธรรม (Cultural Exports) มีกระทรวงเกษตรฯ เข้ามาช่วยในการพัฒนาพันธุ์หม่อนและหนอนไหม รับรองตรางนกยูงพระราชทาน และส่งเสริมการใช้สีย้อมจากธรรมชาติ กระทรวงมหาดไทยพัฒนาผลิตภัณฑ์และเพิ่มมูลค่าสินค้าชุมชนผ่าน OTOP ภาคเอกชนอย่าง จิม ทอมป์สัน ที่เข้ามาพัฒนาคุณภาพผ้า ผลิตภัณฑ์จากผ้าไหม และคุณภาพชีวิตของช่างทอไหม ไปจนถึงภาคประชาสังคมอย่างนักวิจัยและมหาวิทยาลัย ที่ส่งเสริมนิสิต/นักศึกษาให้ศึกษาวัฒนธรรมผ้าไหม ตลอดจนนำผ้าไหมไทยไปใช้ในอุตสาหกรรมแฟชั่น ฯลฯ 

การสร้าง SP ของไทย จะเน้นหนักไปที่การใช้วัฒนธรรมดั้งเดิมมากกว่าวัฒนธรรมร่วมสมัย อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยกลุ่มดั้งเดิม อาทิ อาหาร สถาปัตยกรรมไทย นาฏศิลป์และดนตรีไทย งานหัตถศิลป์ มวยไทย ฯลฯ จึงเป็นเครื่องมือหลักๆ ที่รัฐบาลฯ ใช้ในกิจกรรม SP ของไทย ทั้งในไทยและต่างประเทศ ทั้งนี้ การใช้วัฒนธรรมชั้นสูง (High Culture — ตรงข้ามกับ Low หรือ Popular Culture) มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายในกิจกรรมต่างๆ โดยนักท่องเที่ยวหรือกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มปัญญาชน (เช่น นักท่องเที่ยวเชิงวัฒธรรม นักท่องเที่ยวเชิงนิเวศวิถี บุคลากรของรัฐ นักวิชาการ) เป็นกลุ่มที่จะถูกดึงดูดด้วยวัฒนธรรมชั้นสูงได้ดี ในขณะที่กลุ่มเป้าหมายโดยทั่วๆ ไป จะสนใจในวัฒนธรรมร่วมสมัยมากกว่า เราจึงได้เห็นความสำเร็จของประเทศอเมริกาและเกาหลีใต้ที่เน้นใช้ Pop Culture ในการสร้าง SP กับคนทั่วทั้งโลก เพราะเป็นวัฒนธรรมที่เร็ว เข้าถึงและเข้าใจได้ง่าย อุปโภคและบริโภคได้ง่าย ให้ความสนุนสนานและความบันเทิงได้ทันตามยุคสมัย 

วัฒนธรรมชั้นสูงของไทยถูกยกไว้เหนือหัว มีความศักสิทธิ์และต้องเทอดทูน การนำวัฒนธรรมชั้นสูงของไทยมาใช้ในกิจกรรม SP จึงขาดความคิดสร้างสรรค์และความยืดหยุ่นในการนำเสนอ เนื่องจากการปรับเปลี่ยนและพัฒนารูปแบบโดย “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” อาจถูกประณามว่าเป็นผู้ทำลายวัฒนธรรมอันดีงามของชาติได้ (ลองศึกษากรณีภาพวาดภิกษุสันดานกา) การนำเสนอและนำวัฒนธรรมของไทยมาใช้จึงติดอยู่ในรูปแบบและมุมมองแบบเดิมๆ กลุ่มเป้าหมายที่จะเข้าถึง SP ของไทยได้อย่างลึกซึ้ง จะต้องมีความสนใจในตัววัฒนธรรมฯ อยู่เป็นทุนเดิม เพราะต้องมีความรู้และความอ่อนไหวทางวัฒนธรรม (Cultural Sensitivity) มากพอ ที่จะตัดอคติจากความแตกต่างทางวัฒนธรรมและความเชื่อได้ 

วัฒนธรรมไทยนั้นได้รับการยกย่องจากชาวต่างชาติว่ามีความลุ่มรวยและงดงามเป็นเอกลักษณ์ เพียงแต่การนำเสนอวัฒนธรรมไทยจะต้องปรับให้ถูกใจคนรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาลักษณะทางประชากร จิตวิทยา ตลอดจนพฤติกรรมศาสตร์ของนักท่องเที่ยวต่างชาติในประเทศไทย จะเห็นได้ชัดเจนว่า การใช้วัฒนธรรมร่วมสมัยมีความเหมาะสมและตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมายมากกว่า (เช่น ความนิยมของละครไทย และ T-Pop ในประเทศเพื่อนบ้าน และกระแสละคร BL (ซีรีย์วาย) ของไทย ที่ได้รับการตอบรับจากทุกมุมโลก) จุดอ่อนรวมถึงอุปสรรคในการสร้าง SP ของไทย จึงยังอยู่ที่ความเข้าใจในกลุ่มเป้าหมายของทีมประเทศไทย และการสนับสนุนวัฒนธรรมร่วมสมัยของไทยไปสู่นานาชาติ  

 

แหล่งอ้างอิง

Praditsilp, W. (2019). Crafting Soft Power in Thailand (Doctoral dissertation). Retrieved from Australasian Digital Theses: http://hdl.handle.net/1959.14/1269801. (mq:70997)

Facebook Comments Box