ระยะการวิ่งมาราธอนถูกกำหนดระยะทางไว้ที่ 42.195 กิโลเมตร โดยสหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ (World Athletics) หรือ IAAF ในปี ค.ศ. 1921 ซึ่งการวิ่งมาราธอนถูกจัดแข่งขันครั้งแรกในโอลิมปิค ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1896 ด้วยระยะทาง 40 กิโลเมตร โดยในการแข่งขันครั้งนี้ สปิริดอน หลุยส์ (Spyridon Louis) บุรุษไปรษณีย์ชาวกรีก เป็นผู้ที่ได้รับชัยชนะ ด้วยเวลา 2.58.50 ชั่วโมง ประเทศกรีกถือเป็นประเทศที่เป็นต้นกำเนิดตำนานที่มาของการวิ่งมาราธอน
ย้อนกลับไปเมื่อ 2500 ปีก่อน กองทัพเปอร์เซียยกกองทัพเข้ามาบุกหวังจะครอบครองเมืองเอเธนส์ ได้มาจัดตั้งกองทัพกองกำลังพล ณ ที่ราบที่มีชื่อว่า “มาราธอน” ซึ่งพร้อมจะบุกโจมตีเมืองได้ทุกเมื่อ แต่ด้วยความชำนาญในพื้นที่ของชาวกรีก จึงทำให้ชาวกรีกได้รับชัยชนะในการทำศึกครั้งนี้ หลังจากได้รับชัยชนะนายทหารชาวกรีก ชื่อว่า ฟีร์ดิปปิเดซ (Pheidippides) ได้รับมอบหมายหน้าที่ในการนำสารแห่งชัยชนะในการทำศึกเหนือเปอร์เซีย ไปแจ้งยังชาวเมืองเอเธนส์ โดยจุดเริ่มต้นที่นายทหารชาวกรีกได้เริ่มวิ่งอยู่ที่สะพานมาราธอน (Marathon Bridge) ไปยังจุดสุดท้ายที่โอลิมปิคสเตเดี้ยม (Olympic stadium) ของกรุงเอเธนส์ และได้ตะโกนว่า “νενικήκαμεν” ( nenikekamen ) หรือ “เราชนะแล้ว” ด้วยระยะทางการวิ่ง 40 กิโลเมตรที่เขาวิ่งโดยไม่ได้หยุดพักหรือแวะระหว่าง ทำให้เขาล้มลงและเสียชีวติทันที หลังจากที่เขาตะโกนออกมา อย่างไรก็ตามตำนานการวิ่งของ ฟีร์ดิปปิเดซ เกิดขึ้นในช่วง 490 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งยังมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับความถูกต้องทางประวัติศาสตร์อยู่ไม่น้อย และมีการใช้เส้นทางนี้แข่งขันอีกครั้งในโอลิมปิค ปี ค.ศ. 2004 ที่กรุงเอเธนส์
แล้วระยะทาง 2.195 กิโลเมตรมาจากไหนกัน? ในเมื่อตำนานการวิ่งอยู่ที่ประมาณ 40 กิโลเมตร ระยะทางถูกเพิ่มขึ้นมาจากการจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอน ในการจัดโอลิมปิกปี ค.ศ. 1908 ซึ่งจัดขึ้นที่ลอนดอน โดยมีการเลื่อนจุดปล่อยตัวนักกีฬาให้ไปอยู่บริเวณปราสาทวินเซอร์ (Windsor) เพื่อให้ประชาชนที่มาร่วมงานได้ใกล้ชิดขึ้น รวมถึงการเลื่อนจุดเส้นชัยสิ้นสุดบริเวณโซนที่นั่งวีไอพีในสนามที่อยู่ต่อหน้าพระพักต์ของพระราชินีพอดี ซึ่งทำให้ระยะการวิ่งที่เคยถูกจัดการแข่งขันอยู่ที่ 40 กิโลเมตรเพิ่มมาเป็น 42.195 กิโลเมตรแทน โดยระยะทางการวิ่งในครั้งนี้ทำให้ทางสหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ (World Athletics) หรือ IAAF กำหนดระยะการวิ่งมาราธอนเป็น 42.195 แทน