“ฮาร์ดดิสก์ในระยะ 5-6ปี คาดว่าจะมีฮาร์ดดิสก์ความจุระดับ 50TB ในปี 2026 และขึ้นไปถึง 120TB ในปี 2030”
ฮาร์ดดิสก์เป็นเนื้อที่ในการบันทึกข้อมูล ยิ่งมีความจุมาก ยิ่งบันทึกข้อมูลได้มากยิ่งขึ้น ความจุของ Hard disk มีหน่วยเป็น MB ปัจจุบันได้ถูกพัฒนาให้สามารถเก็บข้อมูลได้มากเท่ามาก โดยมีหน่วยเป็น GB (1GB = 1,024MB) จนถึงมีหน่วยเป็น TB (1TB = 1,024GB)
เทคโนโลยีใหม่ในโลกฮาร์ดดิสก์ตอนนี้คือ Heat-Assisted Magnetic Recording (HAMR อ่านว่า แฮมเมอร์) เป็นการใช้ความร้อนช่วยเขียนข้อมูลบนจานเป็นระยะเวลาสั้นมากๆ (ระดับ 2 นาโนวินาที) ช่วยให้บันทึกข้อมูลได้หนาแน่นขึ้นกว่าเทคโนโลยี PMR แบบที่ใช้ในอยู่ ซึ่งจะผลิตที่ความจุระดับ 20TB แต่ปัจจุบันเทคโนโลยี HAMR พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ในห้องแล็บทำระดับ 40TB ได้แล้ว สำหรับผลิตภัณฑ์จริงทางบริษัท Seagate เริ่มมีฮาร์ดดิสก์ HAMR รุ่น 30TB ออกวางขายแล้วเมื่อต้นปี 2024 ราคาน่าจะเปิดตัวเพียงหมื่นบาทต้นๆ
ฮาร์ดดิสก์ ที่จะมีความจุได้ในระดับนี้ ยังต้องมีเทคโนโลยีอีกตัวที่มาช่วยกันทำงานคือเทคโนโลยีด้านพื้นผิวของจาน (media) ที่ใช้การเรียงเป็นแพตเทิร์นเป็นระเบียบมากขึ้น (bit pattern) สามารถอัดปริมาณข้อมูลลงจานได้ถึง 120TB
และเทคโนโลยีตัวสุดท้ายคือเรื่องหัวอ่านหลายหัว (multi actuator ซึ่งบริษัทใช้ชื่อการค้าว่า Mach.2) ช่วยแก้ปัญหาเรื่องประสิทธิภาพการอ่าน-เขียนข้อมูลแบบสุ่ม การันตีตัวเลข IOPS/TB ให้ไม่ตกเมื่อความจุของจานสูงขึ้น
ภาพโดยรวมบริษัท Seagate มองว่าเทคโนโลยีฮาร์ดดิสก์ยังมีอนาคตอีกยาวไกล โดยเฉพาะฮาร์ดดิสก์แบบความจุสูง (mass capacity) ที่ประสิทธิภาพต่อราคายังดีกว่า SSD และมีรูปแบบการใช้งานใหม่ๆ ทั้งการใช้งานบนคลาวด์ และการใช้งานในระดับ edge เช่น กล้องวงจรปิด ยานพาหนะ สตอเรจขนาดใหญ่ เป็นต้น ด้วยแผนการผลิตของบริษัท Seagate คาดว่าจะผลิตฮาร์ดดิสก์ให้ใช้งานที่ความจุ 50TB ได้ในปี 2026 และขึ้นไปถึง 120TB ในปี 2030
CR : เนื้อหาบางส่วนจากเว็บไซต์ https://www.techtalkthai.com และ https://www.blognone.com
