Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors

3 ประเภทการดำน้ำที่จะพาเราไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ใต้น้ำ

           การดำน้ำเป็นกิจกรรมทางน้ำที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะในหมู่คนทำงานที่ต้องการหาเวลาพักผ่อนในวันหยุด นอกจากได้พักผ่อนแล้วยังถือว่าเป็นกีฬาที่สร้างความท้าทายให้กับแต่ละคน โดยการดำน้ำแต่ละประเภทก็จะมีวิธีการและการใช้อุปกรณ์ที่แตกต่างกัน ทำให้ได้รับประสบการณ์การดำน้ำที่แตกต่างกันไป เราลองไปทำความรู้จักกับการดำน้ำแต่ละประเภทกัน

 

1. Snorkeling

           เป็นการดำน้ำขั้นพื้นฐานหรือการดำน้ำตื้นโดยอาจจะดำน้ำตัวเปล่าหรือใส่เสื้อชูชีพสำหรับคนที่ไม่มีทักษะทางการว่ายน้ำ การ Snorkeling เป็นการดำน้ำเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ อยู่ในระดับผิวน้ำใช้อุปกรณ์ทั่วไปได้แก่ หน้ากากดำน้ำ (Mask) ท่อหายใจ (Snorkeling) ตีนกบ (Fin) 

2. Freediving

           เป็นการดำน้ำที่มีการดำลงไปในความลึกที่มากขึ้น นิยมเป็นทั้งกีฬาและเพื่อพักผ่อนหย่อยใจ แต่จำเป็นต้องใช้ทักษะทางน้ำมากกว่าการดำน้ำแบบ Snorkeling ไม่ว่าจะเป็นทักษะการดำลงไปใต้น้ำที่ลึกขึ้นและการกลั้นหายใจเพื่อให้อยู่ใต้น้ำได้นานขึ้น โดยมีลักษณะเด่นคือใช้ฟินที่ค่อนข้างยาว การจัดการกับความดันในหูที่เรียกว่า การเคลียร์หู (Ear equalization) ซึ่งจำเป็นจะต้องผ่านการฝึกฝนที่ถูกต้องโดยผู้ฝึกสอนที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัย ซึ่งมีระดับของการหลักสูตร Freediving โดยทั่วไป ได้แก่ Basic freediving, Freeding level 1, Freedive level 2 เป็นต้น 

3. Scuba diving

           Scuba diving เป็นการดำน้ำลึก ซึ่งจะเป็นการดำน้ำที่แตกต่างกับการดำน้ำในสองรูปแบบแรกที่เป็นการดำน้ำตื้น  Scuba diving จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ในการดำน้ำหลายอย่าง เพื่อช่วยให้อยู่ใต้น้ำได้นานขึ้นและลงไปที่ความลึกที่มากขึ้นอย่างปลอดภัย ใช้หลักการหายใจโดยใช้อากาศจากถังอากาศช่วยร่วมกับการจัดการความดันของน้ำ (Pressure) ที่มีผลต่อการควบคุมการทรงตัวใต้น้ำโดยตรงที่เรียกว่า การปรับสภาพการจมลอยของร่างกาย (Buoyancy) โดยมีอุปกรณ์เฉพาะที่ใช้ในการดำน้ำประเภทนี้ สำหรับเป็นตัวช่วยในการดำน้ำลึก

           นอกจากนี้ยังต้องเรียนรู้วิธีการเคลียร์หูเพื่อลดความดันในหูในขณะลงไปใต้น้ำในที่ระดับความลึกต่างๆ การเคลียร์หน้ากากในกรณีที่เกิดฝ้าที่หน้ากากขณะอยู่ใต้น้ำ เป็นต้น โดยการดำน้ำประเภทนี้มีการแบ่งหลักสูตรที่เรียนและแบ่งระดับ และจำกัดความลึกตามความสามารถของนักดำน้ำแต่ละระดับดังนี้

  • Open Water ความลึกไม่เกิน 18 เมตร
  • Advanced ความลึกไม่เกิน 30 เมตร
  • Rescue Diver หลักสูตรสำหรับการกู้ชีพใต้น้ำ
  • Dive Master หลักสูตรสำหรับผู้ที่จะประกอบอาชีพทางการดำน้ำเช่น Dive leader โดยจะต้องมีบันทึกการดำน้ำไม่ต่ำกว่า 40 ครั้งจึงจะเรียนในหลักสูตรนี้ได้

           และสิ่งสำคัญที่สุดของ Scuba diving คือ ผู้ที่จะดำน้ำประเภทนี้ได้นั้นต้องผ่านการเรียนและฝึกฝนตามหลักสูตรที่มีมารตฐานสากล และได้รับใบอนุญาตดำน้ำในแต่ละระดับอีกด้วยจึงจะสามารถดำน้ำได้

           จากรูปแบบการดำน้ำทั้ง 3 ประเภท สังเกตได้ว่าต้องใช้ทักษะทางน้ำที่แตกต่างกัน แต่สิ่งสำคัญคือความปลอดภัยที่ทุกรูปแบบของการดำน้ำและทุกระดับจะต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก เพื่อที่จะทำให้การดำน้ำในแต่ละครั้งเพลิดเพลินและปลอดภัย

Cr: 

https://www.shermanstravel.com

https://i.pinimg.com

https://www.scubadivingaddicts.com

https://www.well.pl/

Facebook Comments Box