
มีอยู่วันนึง….ในระหว่างขับรถไปทำงานตอนเช้า ก็คิดสงสัยว่า “ตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีกว่า จะเป็นอย่างไร ?” ความสงสัยก็มีข้อดี เพราะหลังจากนั้นก็เริ่มทบทวนตัวเองอยู่หลายรอบ และรับฟังประสบการณ์จากผู้รู้มากมาย จนได้คำตอบที่ตนเองก็ได้ทดลองจริง และเห็นผลจริง วันนี้จึงอยากมาเล่าและแชร์ให้ฟังว่า “Be a better person” ก็เปรียบเสมือนกับการเคี่ยวน้ำซุป และแน่นอนว่ามือใหม่อย่างเรา…อยากทำให้อร่อย วันนี้มีสูตรลับสำหรับคุณ ซึ่งรับรองว่าน้ำซุปที่ได้จะหวานละมุน ทั้งรสเลิศและมีคุณค่า และถ้าคุณนำสูตรลับนี้ไปปรับหาจังหวะที่พอดีกับการดำเนินชีวิตของคุณ รับรองได้ว่าคุณแปลงร่างเป็นคุณอีกคนที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าแน่นอนค่ะ Let’s go !!!!

1. Mindset is everything
Mindset คือ มุมมองของเราต่อสิ่งต่างๆ บนโลกนี้ เหมือนเหรียญสองด้าน ถ้าเรายึดถือ Growth Mindset ไว้ที่ด้านบนของเหรียญ ทุกสิ่งในสมองและในหัวใจของเรา ไม่ว่าจะเป็นวิธีคิด มุมมองการใช้ชีวิต หรือการแสดงออกในด้านต่างๆ ก็จะเปิดรับทุกสิ่งทุกอย่างและพร้อมที่จะเรียนรู้ ดังนั้นคนที่มี Growth Mindset มักจะเชื่อในศักยภาพของตัวเองมากกว่าเรื่องของพรสวรรค์
การใช้ Growth Mindset ในการกำหนดเป้าหมายของคุณด้วยตัวคุณเอง และเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินชีวิตใหม่ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า จึงเป็นการเริ่มต้น “Be a better person” ที่ดีที่สุด

2. พัฒนาศักยภาพให้เป็นคน High Performance
มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก กล่าวว่า “เมื่อคุณหมกมุ่นในเรื่องใดเป็นพิเศษ คุณจะเป็น Expert ในเรื่องนั้นๆ” และ ช่องเธมส์ THINKต่าง อธิบายว่า การเป็นคน High Performance เป็นเรื่องของความรู้สึกมากกว่าเรื่องของผลลัพธ์ เป็นความรู้สึกขณะที่เราทำอะไรซักอย่างนึงด้วยความลื่นไหล การจดจ่อทำงานหรือทำกิจกรรมบางอย่างเพลินจนลืมเวลา ลืมกินข้าวกินปลา ดื่มด่ำ มีความสุขกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า นั่นแหละที่คุณกำลังเข้าสู่ “ภาวะลื่นไหล” หรือ Flow State โดยไม่รู้ตัว ซึ่งสภาวะนี้จะเกิดขึ้นเมื่อเราทำสิ่งที่มีความหมาย อย่างเพลิดเพลิน ทำให้มี Productivity ซึ่งมีความเชื่อมั่นว่าทุกอย่างสามารถปรับปรุงและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด และทำด้วยความสนุก
จวงจื่อ (庄子) ปรมาจารย์ฝ่ายเต๋า กล่าวว่า ความรู้สึกที่เราได้สัมผัสโลกอย่างเต็มเปี่ยมเป็นไปตามธรรมชาติ จะเกิดขึ้นได้เมื่อเราพบกับสภาวะลื่นไหลและความลื่นไหลในการใช้ชีวิต ซึ่งก็คือการฝึกฝนในการทำสิ่งนั้นจนชำนาญ เราจึงจะสามารถทำสิ่งนั้นได้เป็นธรรมชาติ ทำได้ดีแบบไม่ต้องคิดกลมกลืนลื่นไหล เช่น การเขียนหนังสือได้อย่างลื่นไหล เราต้องเก็บประสบการณ์และวัตถุดิบได้มากพอที่จะเขียนได้ดี ดังนั้นยิ่งเราฝึกฝนสิ่งใดมากจะทำให้เราทำสิ่งนั้นได้ดีลื่นไหลได้ง่ายขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้น การพัฒนาตัวเองให้มีความเชี่ยวชาญในสิ่งใดก็ตาม คุณควรเริ่มฝึกฝนทำสิ่งนั้นจนชำนาญ จนสามารถทำสิ่งนั้นได้อย่างเป็นธรรมชาติด้วยความสนุกและเพลิดเพลิน….. “Be a better person”
3. เชื่อมจุดต่อจุด จนกว่าจะถึงเส้นชัย
บิล เกต กล่าวว่า “คุณไม่ได้เดินได้ เพราะทำตามตำรา แต่คุณเดินได้เพราะคุณลอง”คำพูดนี้ไม่เกินจริงเลย เพราะเราทุกคนเดินได้ก่อนที่เราจะอ่านหนังสือออกซะอีก ดังนั้นเมื่อเริ่มเดินทางเพื่อไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจเอาไว้ คุณจึงไม่จำเป็นต้องกลัวการก้าวพลาด แค่คุณต้องระมัดระวัง ค่อยๆ เดินทีละก้าว…ทำให้ดีที่สุดในทุกๆ วัน โดยมีคำกล่าวว่า “เดินไปตามทางของตัวเองให้ดี วันที่ดอกไม้บานย่อมมาถึงเสมอ” นั่นแสดงว่า ในระหว่างการเดินทางเชื่อมจุดต่อจุด ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญว่าจะเดินช้าไป หรือจะมีใครแซงหน้าไปหรือไม่ เพราะจังหวะชีวิตของแต่ละคนแตกต่างกัน เดินไปตามจังหวะที่พอเหมาะของเราให้ดีที่สุด ไม่ต้องไล่ตามคนอื่น และเดินต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย เชื่อมจุดต่อจุดของคุณให้สำเร็จ “Be a better person”
4. ยินดีกับความสำเร็จเล็กๆ ในชีวิต
การเดินทางที่ยาวไกลเพื่อไปถึงเป้าหมายใหญ่ของชีวิต อาจจะมีวันที่รู้สึกท้อแท้หรือหมดหวังได้ เพราะในระหว่างทางยังไม่แน่ว่าจะถึงเป้าหมายเมื่อใด จะดีกว่าแค่ไหน….ถ้าเราจะร่วมยินดีและเฉลิมฉลองกับความสำเร็จเล็กๆ ในแต่ละวัน และเมื่อเราเริ่มสะสมความสำเร็จเล็กๆ ในใจมากยิ่งขึ้น ก็เหมือนกับเรามีเป้ที่เก็บความภาคภูมิใจสะพายหลังไปด้วยเมื่อเดินทาง ช่วยเติมเต็มกำลังใจ เสริมความมั่นใจ ซึ่งมันจะเป็นแรงผลักชั้นดีที่จะขับเคลื่อนให้คุณเดินสู่เป้าหมายได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งบทความจาก Harvard Business Review กล่าวว่า “การได้เห็นพัฒนาการของตัวเองในแต่ละวันนี่แหละ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราก้าวต่อไป” และถ้าเราคิดให้ดีๆ จะเห็นด้วยไม๊ว่า ความสุขในชีวิตของเราอาจไม่ใช่การได้เงินก้อนใหญ่ การเรียนจบ หรือการพิชิตความสำเร็จตามเป้าหมายแล้วทุกคนต่างยกย่อง ชื่นชม แต่ความสุขคือ การมีชีวิตเรียบง่าย การที่ได้กินข้าวพร้อมหน้ากับครอบครัว การมองดูน้องหมาตัวโปรดนอนหลับหรือนอนแทะกระดูก หรือการได้ร่วมฉลองความสำเร็จกับทีมงานเมื่อโปรเจ็คสำเร็จต่างหาก อย่าลืมว่าทุกก้าวของคุณสำคัญ “Be a better person”
5. คิดบวก แม้ในวันที่โลกเหวี่ยง
สตีฟ จ๊อบ กล่าวว่า “อย่าปล่อยเสียงนกเสียงกา มาทำลายความมั่นใจของคุณ” ในระหว่างการเดินทางอันแสนยาวไกล คุณย่อมพบเจอกับปัญหาและอุปสรรคมากมาย แม้คุณต้องเจอกับความล้มเหลวบ้างก็ไม่น่ากลัวเลย มันเป็นเรื่องธรรมดา คุณเพียงแค่ต้องยอมรับมัน…แล้วทิ้งมันไว้ข้างหลัง เพื่อเดินต่อไป เพราะนั่นเป็นแค่ชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ตัดสินความสำเร็จในชีวิตของคุณได้ คุณควรเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ ในวันพรุ่งนี้ และอย่ากลัวที่จะออกจาก comfort zone ของคุณ เพราะอุปสรรคคือโอกาสที่คุณจะได้เรียนรู้และเติบโต “Be a better person
6. รักษาสมดุลในชีวิต
“NIKSEN ศิลปะของการไม่ทำอะไรเลย” เป็นแนวคิดเพื่อหาความสมดุลจากการทำงานหรือจากการโฟกัสบางสิ่งบางอย่างด้วยการพักชั่วคราว ปล่อยให้สมองได้ผ่อนคลายไม่ต้องคิดอะไร ผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้เกิดการตกผลึกทางความคิด และเกิดไอเดียสร้างสรรค์ใหม่ๆ การไม่ทำอะไรเลยจึงไม่ใช่การหยุดนิ่งเพียงอย่างเดียว คุณอาจจะตื่นนอนมาแล้วนั่งเฉยๆ สัก 5 นาที ยืดเส้นยืดสาย หรือทำโยคะง่ายๆ 30 นาที เพื่อให้ร่างกายรู้สึกถึงการไหลเวียนของเลือด หรือออกไปเดินเล่นเพื่อสูดอากาศ หรือผ่อนคลายกับธรรมชาติ
เมื่อคุณได้หยุดอยู่กับตัวเอง ได้มีเวลาทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา ได้เห็นภาพตัวเองอย่างชัดเจนว่าสิ่งใดทำดีแล้ว และสิ่งใดเป็นจุดอ่อนที่อยากจะพัฒนาหรือปรับปรุงให้ดีขึ้น และเมื่อพร้อมแล้วคุณก็สามารถเริ่มพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้นได้อีก “Be a better person”
บทสรุป Be a better person
1. Mindset is everything ใช้ Growth Mindset ในการกำหนดเป้าหมายของคุณด้วยตัวคุณเอง และเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินชีวิตใหม่ๆ
2. พัฒนาให้มี High Performance ซึ่งควรองค์ประกอบครบ 3 เรื่อง ได้แก่ (1) มีวินัยในการฝึกฝนตนเอง (2) มีทักษะในเรื่องนั้นๆ จนทำได้อย่างเป็นธรรมชาติกลมกลืนลื่นไหล ทำได้ดีแบบไม่ต้องคิด และ (3) ทำด้วยความสนุกเพลิดเพลิน
3. เชื่อมจุดต่อจุดจนกว่าจะถึงเส้นชัย เริ่มเดินทางเพื่อไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจ เดินอย่างระมัดระวังทีละก้าว ทำให้ดีที่สุดในทุกๆ วัน ไม่ต้องไล่ตามคนอื่น เชื่อมจุดต่อจุดของคุณให้สำเร็จจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย
4. ยินดีกับความสำเร็จเล็กๆ ในชีวิต เก็บสะสมความภาคภูมิใจของคุณ เพื่อเป็นแรงผลักให้คุณมุ่งสู่เป้าหมายได้อย่างมั่นคง ทำให้ทุกก้าวที่เดินมีความหมาย และอย่าลืมเติมความสุขให้กับชีวิตในทุกๆ วัน แบ่งเวลาไปกินข้าวพร้อมหน้ากับครอบครัว หรือเดินเล่นกับน้องหมา
5. คิดบวกแม้ในวันที่โลกเหวี่ยง คุณเพียงแค่ยอมรับมันแล้วเดินต่อไป เพราะเหตุการณ์ที่คุณพบในแต่ละวันไม่สามารถตัดสินความสำเร็จหรือล้มเหลวในชีวิตได้หรอก อุปสรรคคือโอกาสที่คุณจะได้เรียนรู้และเติบโต
6. รักษาสมดุลในชีวิต การได้หยุดพักเรื่องราวต่างๆ มีเวลาอยู่กับตัวเองเพื่อทบทวนและเรียกสติ จะทำให้คุณเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นว่าต้องทำอย่างไรให้สามารถพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้น เป็นคุณคนที่ดีกว่า
เพราะข้อจำกัดเดียวบนโลกนี้คือใจของคุณเอง ดังนั้นการเป็นคุณคนที่ดีกว่า…Be a better person จำเป็นต้องใช้เวลา เพราะคนที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่ทำดีที่สุด แต่ทำต่อไปไม่หยุดจนกว่าจะถึงจุดหมาย
อ้างอิง
https://www.youtube.com/watch?v=VL0NOOxpR8o
https://www.youtube.com/watch?v=uJLWT1iGV3s
https://contentbooknotes.com/self-development/mindset/
https://www.alljitblog.com/%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%81-3/
https://www.facebook.com/photo/?fbid=2826588057655392&set=a.1721246778189531
