โดย นายแพทย์คณาพจน์ เพ็งเกตุ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ออร์โธปิดิกส์แพทย์
คลินิกกระดูและข้อ ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีมากที่สุดในร่างกาย มีหน้าที่หลักคือรักษาความแข็งแรงและรูปร่างของกระดูก และเป็นตัวส่งสัญญาณไปยังเซลล์และเนื้อเยื่อทั่วร่างกาย เพื่อให้เกิดการหดหรือขยายของหลอดเลือดและกล้ามเนื้อ และเกี่ยวข้องกับการหลั่งฮอร์โมน ร้อยละ 98 ของแคลเซียมอยู่ในกระดูกและฟัน กระดูกจึงเป็นแหล่งเก็บแคลเซียมที่สำคัญที่ช่วยรักษาระดับแคลเซียมในเลือดให้คงที่ ทำให้การบวนการ สร้างกระดูก และสลายกระดูกเป็นไปอย่างสมดุลตามธรรมชาติ เมื่อได้รับแคลเซียมไม่พอจึงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่นำมาสู่โรคกระดูกพรุน (osteoporosis) จนกระทั่งเกิดผลแทรกซ้อนตามมา คือ กระดูกหักจากโรคกระดูกพรุน (osteoporotic fracture)
การได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอเป็นคำแนะนำสำหรับประชากรทุกเพศและทุกวัย
– ในวัยเด็กและวัยรุ่น มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มปริมาณมวลกระดูกจนถึงระดับมวลกระดูกสูงสุด
– ในผู้ใหญ่ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้กระดูกแข็งแรงและคงภาวะสมดุลของแคลเซียมในร่างกาย
-ในผู้สูงอายุ มีวัตถุประสงค์เพื่อลดการสูญเสียมวลกระดูกที่เกิดมากขึ้นตามอายุให้น้อยที่สุด ลดความรุนแรงของโรคกระดูกพรุน และอาจลดความเสี่ยงของกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุน
การบริโภคแคลเซียมให้เพียงพอโดยเฉพาะในหญิงวัยหมดประจำเดือน หรือผู้หญิงอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป และผู้ชายอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไป ถือเป็นคำแนะนำในการรักษาป้องกันโรคกระดูกพรุนในปัจจุบันอีกด้วย
ดังนั้นวันนี้คลินิกกระดูกและข้อ ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จึงขออนุญาตแนะนำให้ทุกท่านทราบ ถึงอาหารทั้งหมด 15 ชนิดที่มีปริมาณสารอาหารเเร่ธาตุแคลเซียมสูง และหารับประทานง่ายในชีวิตประจำวัน รวมถึงปริมาณแคลเซียมที่แนะนำให้บริโภคต่อวันตามช่วงอายุ และสุดท้ายคือ ปัจจัยที่มีผลต่อการดูดซึมแคลเซียม เพื่อให้ทุกท่านนำไปประโยชน์ใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อสร้างเสริมสุขภาพกระดูกที่ดีของท่านและคนที่ท่านรักลดโอกาสการใช้ยา และที่สำคัญที่สุดคือ ลดโอกาสกระดูกหักในอนาคต