ปี 2565 นับว่าเป็นปีเปิดศักราชเริ่มต้นของการใช้รถไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างจริงจังเลยนะครับ ทั้งในเทอมของจำนวนบริษัทที่เข้ามาทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และเทอมของยอดจองรถ ก็สร้างความฮือฮา จนไทยอยู่ในลำดับที่ 10+ ของโลกในฐานะของประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นสังคมรถไฟฟ้า โดยเฉพาะการส่งท้ายปีด้วยการเข้ามาทำตลาดของพี่ใหญ่อย่างเทสล่า ก็แสดงให้เห็นว่าตลาดรถยนต์ในเมืองไทยคงมุ่งหน้าสู่สังคมรถไฟฟ้าเต็มสูบแน่นอน
คำถามยอดฮิตที่ตามมาก็คงเป็นคำถามง่ายๆว่ารถยนต์ไฟฟ้าต่างกับรถน้ำมันอย่างไร เอาเข้าจริงๆ คนที่ใช้รถไฟฟ้าทุกวันนี้ส่วนใหญ่ก็ยังงง ตอบกันไม่ค่อยจะถูก
เบื้องต้น เราต้องมาทำความเข้าใจวิธีการขับเคลื่อนรถไฟฟ้ากันก่อน รถไฟฟ้าจริงๆแล้วก็ คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดหนึ่ง ถ้าจะให้ใกล้เคียงก็น่าจะเปรียบได้กับโทรศัพท์มือถือ หรือ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ้ค ก็คือเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ทำงานด้วยแบตเตอรี่แบบชาร์จได้ แบตหมดเมื่อไหร่ก็ชาร์จ เครื่องใช้ไฟฟ้ารอบตัวเราที่ใช้แบตก็มีเยอะ เช่น ไฟฉาย เครื่องคิดเลข เครื่องโกนหนวด เป็นต้น แต่ที่อุปกรณ์เหล่านี้ต่างจากมือถือ หรือ โน้ตบุ้ค คือ การทำงานแบบง่ายๆไม่ซับซ้อน ไม่จำเป็นต้องมีระบบควบคุมหรือระบบปฏิบัติการที่ซับซ้อนมากนัก เมื่อรถไฟฟ้าจำเป็นต้องมีการควบคุมด้วยซอฟท์แวร์ที่ซับซ้อนเหมือนมือถือ ก็ทำให้ผู้ผลิตที่ผลิตรถยนต์น้ำมันมานาน อาจไม่ชำนาญในการสร้างรถยนต์ไฟฟ้า จนเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ผลิตหน้าใหม่สามารถก้าวเข้ามาสร้างยอดขายได้อย่างถล่มทลายจนน่าทึ่ง และเรามักจะได้ยินข่าวอยู่เนืองๆว่าบริษัทซอฟท์แวร์ดังๆหลายบริษัทอาจก้าวเข้ามาจำหน่ายรถไฟฟ้าในอนาคตอันใกล้ เช่น แอปเปิ้ล เป็นต้น ซึ่งก็น่าสนใจมากๆ ว่าอนาคตของรถไฟฟ้าจะก้าวไปในทิศทางใด
นอกจากบริษัทซอฟแวร์จะสนใจในการผลิตรถไฟฟ้าแล้ว บริษัทผลิตแบตเตอรี่ก็มีความสนใจเช่นกัน โดยต้นทุนของแบตเตอรี่เมื่อเทียบกับราคารถยนต์แล้วจะมีสัดส่วนที่สูงมาก และการผลิตตัวรถยนต์ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงมากนัก ทำให้บริษัทผลิตแบตเตอรี่สามารถต่อยอดผลิตรถไฟฟ้าได้อย่างสบาย และได้นับความนิยมในหมู่ผู้ซื้อสูง เพราะมั่นใจในแบตเตอรี่ที่มาจากผู้ผลิตโดยตรง
คราวหน้าเราจะมาดูว่าโครงสร้างภายในรถไฟฟ้าเป็นอย่างไร มีความแตกต่างจากรถน้ำมันแค่ไหนกัน
ผู้เขียน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สราวุธ จันทเขต
