เก่งแค่ไหนก็ต้องการคนกอด

เมื่ออายุเริ่มเข้าสู่เลข 4 ตอนปลายหลายคนคงมีปัญหากับการใช้สายตาในการอ่านหนังสือที่ตนเองชื่นชอบ มองตัวอักษรไม่ชัด เบลอจนอยากใช้แว่นขยายมาช่วย เกิดความรู้สึกรำคาญ ไม่สะดวกเหมือนตอนหนุ่มๆ สาวๆ แล้วก็เลิกอ่านมันเสียดื้อๆ แต่ต่อมความอยากของเรากับหนังสือที่ชอบมันหนีกันไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องหาทางออกคำตอบก็คือ ebook นั่นเอง

          หนังสือเล่มแรกที่ตัดสินใจซื้อผ่านร้านหนังสือออนไลน์ Meb หรือ https://www.mebmarket.com/ แค่ชื่อเรื่องก็ทำให้ตัดสินใจซื้อได้ไม่ยาก “เก่งแค่ไหนก็ต้องการคนกอด” ประกอบกับปกหนังสือสีฟ้าอ่อนๆ พร้อมกับลวดลายน่ารักแทบจะรอไม่ไหวที่จะเปิดอ่าน หนังสือเขียนโดยเจ้าของนามปากกา “ก็ขึ้นชื่อว่ามนุษย์แฟน” นักเขียนโลกออนไลน์ที่มีผู้ติดตามกว่า 900,000 คน เนื้อหาโดยรวมบอกให้เรารู้ว่าคนเราแม้ภายนอกจะดูเข้มแข็งแค่ไหนแต่พอเป็นเรื่องของหัวใจก็อ่อนไหวทุกที  หนังสือแบ่งเนื้อหาออกเป็น 4 Chapter และ Special Chapter เนื้อหาโดยรวมพูดถึงยุคที่เต็มไปด้วยคนเก่งที่มีความสามารถมากมาย ความเก่งเหล่านั้นแน่นอนได้มอบอะไรให้กับชีวิตเราทั้งวัตถุ เงินทอง แต่สิ่งที่ความเก่งมอบให้ไม่ได้นั่นคือความรัก ความเข้าใจ และอ้อมกอดอันอบอุ่น การให้เวลาแก่กัน การให้ความสำคัญ การใส่ใจมันแทบไม่ต้องใช้ความเก่งเลย โลกทุกวันนี้เหวี่ยงให้คนเก่งหลายคนต้องพบเจอกับความเหงา โดดเดี่ยว  ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งจะเก่งอย่างไรสุดท้ายเราก็ต้องการใครสักคนกอดเราอยู่ดี ร่ายยาวมาถึงจุดนี้เห็นทีต้องไปดูเนื้อหาจากหนังสือเล่มนี้กันแล้ว จากที่ได้กล่าวข้างต้นว่าเนื้อหาถูกแบ่งเป็น 4 Chapter ความน่าสนใจแต่ละ Chapter มีอะไรบ้างมาดูกัน 

          Chapter 1 เหตุผลที่จะรัก เนื้อหาได้พูดถึงการจะรักใครสักคนบางครั้งเราก็ไม่ต้องหาเหตุผลมากมาย เราไม่ได้ต้องการตามหาใครสักคนที่สมบูรณ์แบบ เพราะคนเราอาจไม่ได้ดีพร้อมไปหมดทุกอย่าง สิ่งสำคัญคือคนที่พร้อมยอมรับและให้อภัย เวลาจะรักใครสักคนจริง ๆ แล้ว มันก็มีเหตุผลหลายๆ อย่างให้เรารัก แค่รอยยิ้มกว้างๆ เสียงหัวเราะ มุกที่แป้ก กีตาร์ที่เล่นโดยไม่ได้ตั้งสายบางครั้งมันยังไพเราะได้ เหตุผลที่เราจะรักใครสักคนก็อาจจะเป็นเช่นนั้น หรือบางคนอาจจะบอกว่าจริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องของการชอบตัวเองเวลาอยู่กับเขาก็แค่นั้น หากจะรักใครสักคน อย่าเลือกคนที่ดีกว่าแต่จงเลือกคนที่ทำให้เรา “อยากเป็นคนที่ดีขึ้น”  แล้ววันหนึ่งเราจะได้เจอ คนที่เราพร้อมจะเล่าเรื่องราวที่แสนธรรมดาให้คนพิเศษฟัง เมื่อเรามีคนที่พร้อมจะบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ร่วมกันแล้ว จงยอมรับความจริงอีกข้อนั่นคือ ความแตกต่างของคนสองคนซึ่งไม่ได้หมายความว่า “เราเข้ากันไม่ได้” ต้องเรียนรู้และยอมรับในความต่างของกันและกัน หากเราจะต่างกันขอให้เป็นเพียง “ต่างก็รักกัน” ก็แล้วกัน

          Chapter 2 หันมาเมื่อไหร่ก็เจอ  เนื้อหาโดยรวมพูดถึงพลังบวกโดยเฉพาะการที่ต้องอยู่ไกลกัน การดูแลหัวใจซึ่งกันและกัน แค่คำถามง่ายๆ แต่เชื่อไหมว่ามีอานุภาพมาก “กินข้าวหรือยัง” “วันนี้เหนื่อยไหม” อย่าปล่อยให้วันเวลาที่ผ่านไปทำให้ใครต้องตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ไร้ตัวตน  เมื่อความรักของคนสองคนเดินทางมาถึงจุดหนึ่งเราเรียกว่ารักกันในวันที่เติบโตจะสอนให้เรารู้ว่าการมีใครสักคนเข้ามาเป็นแรงผลักดันมาเป็นกำลังใจทำให้อุ่นใจมากกว่าต้องทำอะไรคนเดียว

          Chapter 3 สัญญาณเล็กๆ ที่อาจไม่รู้ เดินทางมาถึงช่วงกลางของหนังสือเล่มนี้ เป็นเรื่องของการรักษาความสัมพันธ์ของคนสองคน ทำอย่างไรให้ไปต่อได้ หรือหากเดินมาจนสุดทางแล้วไม่สามารถก้าวต่อไปข้างหน้าได้เราจะทำอย่างไร เนื้อหาใน Chapter 3 จะบอกไว้ ชีวิตรักบางคนกล่าวว่าเหมือนกับการเลือกรองเท้า เราต้องการแบบที่เราชอบอย่างเดียวไม่พอ มันต้องใส่สบายและพอดีกับเราที่สุดเพื่อวันหนึ่งจะได้ไม่เจ็บเพราะมัน ความรักก็เช่นกัน

          Chapter 4 สร้างใหม่ได้แต่ไม่เหมือนเดิม เป็นมวลรวมของความรู้สึกที่จะบอกเราว่าความเสียใจ การร้องไห้เกิดขึ้นได้เสมอ อาจจะมาจากการไม่เข้าใจกัน ทะเลาะกัน โกรธที่เกินกว่าจะเกลียด กับเรื่องความรักของคนสองคนและมักไม่เลือกช่วงอายุแต่เราจะมีสติหรือแนวคิดอย่างไรเพื่อจะผ่านมันไปให้ได้ อ่านมาถึง Chapter 4 เหมือนมีคนปลอบโยนไปพร้อมๆ กับการทำหน้าที่ให้คำปรึกษา เพราะเชื่อว่าความรักควรมาพร้อมกับความสุข

          Special Chapter  สักวันจะผลิบาน เนื้อหาโดยรวมพูดถึงการให้คุณค่าตัวเอง พลังที่จะทำให้เราก้าวเดินต่อไปข้างหน้าที่มาจากคนรอบตัวเราเพื่อพบเจอกับความสุข บทสรุปที่ตรงกับชื่อของหนังสือนั่นแหละ

          เชื่อมั่นว่าเมื่อได้ลองอ่านอาจจะทำให้คนเก่งหลายๆ คนเริ่มมีมุมมองบางอย่างเปลี่ยนไป ทำให้เราเข้าใจใครสักคนมากขึ้นและที่สำคัญเข้าใจตัวเองมากขึ้นด้วย

การเดินทางไปกับหนังสือเล่มนี้ทำให้เราได้ 10 ข้อที่ได้เรียนรู้จากความรัก อยากจะบอกเล่าต่อไปให้หลายๆ ท่านที่หลงอ่านมาถึงจุดนี้ได้ย้อนกลับมาถามตัวเองว่าเท็จจริงเป็นอย่างนั้นจริงหรือ

1. อย่าเสียเวลาใช้ชีวิตเพื่อเติมเต็มความคาดหวังของใคร แต่จงใช้เวลาไปเพื่อทำให้ตัวเองมีความสุข และทำให้รู้สึกรักตัวเองได้ในทุกวัน
2. การที่ใครสักคนไม่รักเราในวันนี้ไม่ได้แปลว่าเราไม่มีคุณค่า หากยังไม่ได้รับความรักไม่เป็นไรมันก็แค่ต้องรักตัวเอง
3. ความไม่แน่นอนเป็นเรื่องปกติในความรัก จงเลือกรักคนที่เขาไม่ลังเลที่จะมีเราอยู่ในชีวิต
4. ความรักมีแค่รักกับไม่รัก อย่าหลอกตัวเอง
5. ไม่ว่าความรักจะทำให้เราสุขหรือทุกข์เราแค่ต้องไปต่อ ไม่มีใครเปลี่ยนความจริงข้อนี้ได้
6. ความพยายามอยู่ที่ไหนความรักที่ดีไม่ได้รออยู่ที่นั่น อย่าพยายามเพื่อใครมากไปจนเสียความเป็นตัวเอง
7. อย่าร้ายกับคนที่เขาดีกับเรา
8. ถ้าเจอคนที่เขาพร้อมจะอยู่ข้างเราโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ จงรักษาเขาไว้ให้ดี
9. ควรจริงใจกับทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้น แต่อย่าไว้ใจและวางใจที่ใครมากเกินไป
10. เชื่อว่าทุกอย่างมีเวลาที่เหมาะสมของมันเสมอ

อ่านมาจนจบเล่มทำให้เราได้เรียนรู้ว่า สุดท้ายแล้วทุกเรื่องราวของความรักและทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตคนเรา จะคงอยู่หรือสูญสลายไปมันก็สอนให้เราได้เรียนรู้ที่จะโอบกอดตนเองไว้ได้อุ่นเสมอ นั่นเพราะการใช้ชีวิตบนโลกใบนี้บอกให้เรารู้ว่า “เก่งแค่ไหนก็ต้องการคนกอด”  

ที่มา: เก่งแค่ไหนก็ต้องการคนกอด / ก็ขึ้นชื่อว่ามนุษย์แฟน : สปริงบุ๊กส์ อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง.2563