Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors

รู้หรือไม่…ปลาคราฟ กับ 5 เรื่องน่ารู้ก่อนเลี้ยงปลาคราฟในบ้าน

ปลาคราฟ ปลาคาร์ฟ หรือปลาคาร์ป ปลาสวยงามยอดนิยมที่ไม่ได้แค่ช่วยเพิ่มความสวยงามมีชีวิตชีวาให้แก่บ้านแต่ตามความเชื่อยังเป็นเครื่องหมายของสิ่งมงคลด้านโชคลาภอีกด้วย คนนิยมเลี้ยงปลาคราฟไว้เป็นสัตว์เลี้ยงอีกทั้งบริเวณที่เลี้ยงปลาคราฟก็ยังเป็นมุมโปรดในการพักผ่อนหย่อนใจของใครหลาย ๆ คน ดังนั้นการวางแผนก่อนที่จะเริ่มต้นเลี้ยงปลาคราฟจึงเป็นสิ่งสำคัญ มาดูกันว่าสำหรับมือใหม่ที่จะเริ่มต้นเลี้ยงปลาคราฟควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

การเตรียมตัวก่อนเลี้ยงปลาคราฟในบ้าน

1. การเลือกซื้อปลาคราฟ
การเลือกซื้อปลาคราฟไม่ควรซื้อปลาคราฟที่โตแล้วมาเลี้ยง แต่ควรเลือกซื้อปลาคราฟที่มีอายุอยู่ในช่วง 1-2 ปี มาเลี้ยง และไม่ควรนำปลาชนิดอื่นมาเลี้ยงรวมกับปลาคราฟเพราะอาจเป็นพาหะของโรคต่าง ๆ ให้กับปลาคราฟที่เรานำมาเลี้ยงได้
ลักษณะปลาคราฟที่ดีเบื้องต้น

เลือกปลาคราฟอย่างไรในการเลี้ยง

1. ก่อนที่เราจะเลี้ยงนั้น ควรรู้จักการเลือกปลาที่จะนำมาเลี้ยงกันก่อน ควรเลือกปลาที่มีอายุอย่างน้อย 3 ปี เพราะปลาคราฟญี่ปุ่นนั้นจะไม่โตเต็มที่จนกว่าจะอายุ 3 ปี เพื่อเพิ่มโอกาสในการผสมพันธุ์และผลิตลูกหลานที่มีคุณภาพ ซึ่งขนาดของปลาเมื่ออายุ 3 ปีนั้นจะมีความยาวประมาณ 10 นิ้ว หรือราวๆ 25 เซนติเมตร ส่วนราคาปลาคราฟจะขึ้นอยู่กับขนาด สายพันธุ์ และฟาร์มที่เลี้ยง

2. วางปลาตัวผู้และตัวเมียไว้ในบ่อเดียวกัน ในการเพาะพันธุ์เราจะต้องมีปลาตัวเมียอย่างน้อยหนึ่งตัวและตัวผู้หนึ่งตัว เพราะนั่นคือวิธีการทำงานของธรรมชาติ ปลาตัวผู้จะมีลักษณะของตัวที่เรียวยาวกว่า ในขณะที่ตัวเมียจะมีรูปร่างกลมกว่า และครีบของปลาตัวผู้ที่อยู่ใกล้หัวของมันจะมีความชัดเจนมากกว่าเมื่อเทียบกับตัวเมียที่มีครีบกลม และควรนำปลาออกจากบ่อหากไม่ต้องการผสมพันธุ์ สามารถสังเกตได้ง่ายๆ เมื่อมันเริ่มผสมพันธุ์ เนื่องจากตัวผู้จะไล่ตัวเมียไปรอบๆ บ่อ

3. เลือกปลาคราฟญี่ปุ่นที่มีคุณสมบัติอย่างที่เราต้องการ โดยพิจารณาคุณลักษณะที่เราต้องการสำหรับลูกหลานของมัน หากต้องการรูปทรงครีบให้เลือกปลาที่มีลักษณะนั้น หรือหากกำลังมองหาสีที่ต้องการ ให้เลือกพ่อแม่ปลาที่มีสีนั้นๆ อย่าลืมเลือกปลาที่มีอายุที่เหมาะสมด้วย ซึ่งอายุที่เหมาะสมที่สุดที่ปลาจะผสมพันธุ์คือประมาณ 3-6 ปี เนื่องจากเป็นช่วงอายุที่มีแนวโน้มที่จะผสมพันธุ์และแพร่พันธุ์ได้

2. พันธุ์ปลาคราฟยอดนิยม
ปลาคราฟมีหลากหลายสายพันธุ์ที่คนนิยมนำมาเลี้ยง เช่น
– ปลาคราฟพันธุ์โคฮากุ (Kohoku) เป็นปลาคราฟที่มีสีขาวและสีแดง และคนนิยมเลี้ยงมากที่สุด
– ปลาคราฟไทโชซันโชกุ (Taisho Sanshoku / Taisho Sanke) เป็นปลาคราพที่มีสีขาว สีแดง และสีดำสนิท (ดำถ่าน) โดยสีดำจะไม่อยู่บริเวณหัวและสีแดงจะไม่อยู่บนครีบหาง
– ปลาคราฟพันธุ์โชวา ซันโชกุ /ซันเก้ (Showa Sanshoku / Showa Sanke) ลำตัวมีสีขาว สีแดงและสีดำเชื่อมเป็นตัววาย
– ปลาคราฟพันธุ์อุจึริโมโนะ (Utsurimono) ลำตัวเป็นสีพื้นและมีสีดำพาดผ่าน
– ปลาคราฟพันธุ์เบคโกะ (Bekko) ลำตัวสีพื้นและมีจุดดำแต้ม
– ปลาคราฟพันธุ์อาซากิ ชูซุย (Asagi Shusui) ปลาคราฟที่มีเกล็ดสีออกฟ้า
– ปลาคราฟพันธุ์โกโระโมะ (Koromo) เป็นปลาคราฟที่มีเกล็ดสีน้ำเงินกระจายอยู่รวมกับสีพื้นอื่น
– ปลาคราฟพันธุ์โอกอน (Ogon) เป็นปลาคราฟไม่มีลวดลายและสะท้อนแสงเลื่อม
– ปลาคราฟพันธุ์ฮิการิ โมโย (Hikari Moyo) มีสีมากกว่า 1 สี และเป็นสีที่แวววาว
นอกจากนี้ยังมีปลาคราฟพันธุ์ฮิการิ อุจิริ (Hikari Utsuri) ปลาคราฟพันธุ์คินกินริน (Kinginrin) ปลาคราฟพันธุ์ตันโจ (Tancho) เป็นต้น

ปลาคราฟ

การเพาะพันธุ์ปลาคราฟนั้นอาจเป็นเรื่องที่สนุก แต่ก็ต้องใช้เวลานานในการเลี้ยง โดยเฉพาะการเลี้ยงเพื่อผลกำไร เพราะราคาปลาคราฟก็ค่อนข้างสูงหากเทียบกับปลาเลี้ยงชนิดอื่นๆ ซึ่งสิ่งสำคัญในการเลี้ยงและเพาะพันธุ์เลยคือต้องดูแลบ่อให้สะอาด รวมถึงมีขั้นตอนและวิธีการต่างๆ มากมายในการเลี้ยง ทำให้มือใหม่อาจจะต้องเรียนรู้พื้นฐานของการเพาะพันธุ์ เพื่อให้ปลานั้นอยู่รอดและโตไว เลี้ยงอย่างไรให้เพาะพันธุ์ได้ มาดูเคล็ดลับดีๆ ที่เรามีมาฝากมือใหม่หัดเลี้ยงกัน

3. การเตรียมบ่อปลาคราฟ
– วัสดุที่เหมาะสำหรับสร้างบ่อปลาคราฟ วัสดุที่เหมาะสำหรับนำมาสร้างบ่อปลาคราฟคือปูนซีเมนต์ เนื่องจากปูนซีเมนต์สามารถแปลงสภาพให้บ่อปลาคราฟมีความคล้ายคลึงกับบ่อน้ำธรรมชาติได้เร็ว และตะไคร่น้ำที่เป็นทั้งอาหารของปลาคราฟและตัวช่วยดูดสิ่งสกปรกหรือแอมโมเนียในน้ำสามารถเจริญเติบโตได้ดีในบ่อปูนด้วย
– น้ำที่ใช้เลี้ยงปลาคราฟ น้ำเป็นปัจจัยสำคัญในการเลี้ยงปลาคราฟ ซึ่งปลาคราฟจะชอบอยู่ในน้ำที่มีสภาพเป็นกลาง ดังนั้นน้ำประปาจึงตอบโจทย์สำหรับการเลี้ยงปลาคราฟมากที่สุด โดยน้ำประปาที่ใช้จะต้องเปิดเก็บไว้ประมาณ 2-3 วันให้คลอรีนระเหยออกหมดแล้ว นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำฝนและน้ำคลองในการเลี้ยงปลาคราฟ เพราะเสี่ยงต่อการทำให้ปลาคราฟติดเชื้อ อีกทั้งน้ำฝนยังทำลายสีสันบนลำตัวของปลาคราฟอีกด้วย
– สถานที่ที่เหมาะในทำบ่อปลาคราฟ บ่อปลาคราฟควรมีร่มเงาและความร่มรื่น นอกจากนี้บ่อปลาคราฟไม่ควรอยู่กลางแจ้งเพราะจะทำให้สีสันของปลาคราฟจางและปลาคราฟเจริญเติบโตช้า

4. อาหารสำหรับปลาคราฟ
การให้อาหารปลาคราฟจะให้วันละ 2 เวลา คือ เช้าและเย็น ในปริมาณที่พอเหมาะ โดยอาหารที่เหมาะสมสำหรับปลาคราฟ อาจเป็นอาหารสำเร็จรูป เนื้อสัตว์ หรือพืช ก็ได้ดังนี้
อาหารสำเร็จรูปสำหรับปลาคราฟ อาหารสำเร็จรูปที่ผสมสาหร่ายสไปรูลิน่าเพื่อเร่งสีสันปลาคราฟให้สวยงาม
เนื้อสัตว์ เช่น เนื้อปลาป่น กุ้งบด เนื้อหอย ปู หมึก แมลง ลูกน้ำ หนอนแดง
พืชผักต่าง ๆ เช่น ข้าวสาลี รำ ผักกาด ข้าวโพด สาหร่าย ตะใคร่น้ำ แหน ถั่วเหลือง ขนมปัง

5. ปลาคราฟกับฮวงจุ้ย
ตามความเชื่อการเลี้ยงปลาคราฟไว้ในบ้านจะช่วยเสริมฮวงจุ้ยทางด้านการเงินและการงาน นอกจากนี้ปลาคราฟยังเป็นสัญลักษณ์ของคนที่มีความพยายามจนประสบความสำเร็จตามความเชื่อของชาวจีนโบราณว่าปลาคราฟจะว่ายทวนน้ำไปยังต้นน้ำและกลายเป็นมังกร โดยการเสริมฮวงจุ้ยด้วยการเลี้ยงปลาคราฟสามารถทำได้ดังนี้
วางบ่อปลาคราฟให้หันหน้าเข้าหาตัวบ้าน และบ่อปลาคราฟควรอยู่ซ้ายมือเสมอ
จำนวนปลาคราฟในบ่อควรเป็นเลข 8 เช่น 8, 18, 28, 38, 58 เป็นต้น

บ่อปลา

5 ขั้นตอนง่าย ๆ ในการทำบ่อปลาคราฟ
1. เตรียมพื้นที่สำหรับเลี้ยงปลาคราฟโดยขนาดบ่อที่เหมาะสมกับการเลี้ยงปลาคราฟควรเริ่มต้นที่ขนาดกว้างxยาวxลึก อยู่ที่ 80x120x50 เซนติเมตร เป็นต้นไป นอกจากนี้บ่อปราคราฟควรมีสะดือที่ก้นบ่อเพื่อติดตั้งระบบถ่ายเทน้ำและเก็บสิ่งสกปรก โดยขนาดสะดือของบ่อปลาคราฟจะอยู่ที่ประมาณ 1×2 ฟุต ลึกประมาณ 4-6 นิ้ว
2. วางระบบกรองน้ำเริ่มจากการสร้างบ่อกรองน้ำโดยบ่อกรองน้ำควรมีขนาด 1 ใน 3 ของบ่อปลาคราฟ มีความลึกกว่าตัวบ่อปลาคราฟเพื่อให้น้ำไหลไปบ่อกรองได้ง่าย
3. วางระบบกรองน้ำในส่วนของท่อน้ำและเครื่องปั๊มน้ำ โดยมีท่อน้ำจากสะดือบ่อไปยังบ่อกรองน้ำ ปั๊มน้ำ ท่อน้ำทิ้งและท่อน้ำกลับไปยังบ่อปลาคราฟ ติดตั้งหัวพ่นอากาศ วาล์ว และน้ำพุหรือน้ำตกเพื่อเพิ่มออกซิเจนให้ปลาคราฟ และแรงดันน้ำจะช่วยให้สิ่งปฏิกูลในบ่อปลาคราฟไหลไปรวมกันบริเวณสะดือบ่อปลาคราฟ
4. วางระบบท่อน้ำล้นตามระดับความสูงของน้ำในบ่อปลาคราฟที่ต้องการเพื่อควบคุมระดับน้ำในบ่อปลาคราฟ โดยน้ำที่ล้นออกมาจะไหลเวียนไปยังท่อระบายน้ำตามระบบกรองน้ำที่วางไว้
5. เมื่อสร้างบ่อปลาคราฟและติดตั้งระบบกรองน้ำเสร็จให้ใส่น้ำในบ่อปลาคราฟและแช่ไว้ประมาณ 1 สัปดาห์แล้วปล่อยน้ำออก จากนั้นเปิดน้ำกักไว้ในบ่อปลาคราฟอีกประมาณ 3 วันแล้วค่อยเปิดระบบกรองน้ำ

5 เคล็ดลับในการดูแลและทำความสะอาดบ่อปลาคราฟ
1. ใส่ออกซิเจนในบ่อปลาคราฟให้พอเหมาะกับจำนวนปลาคราฟ และไม่เลี้ยงปลาคราฟในบ่อจำนวนมากเกินไป อัตราส่วนของจำนวนปลาคราฟควรเหมาะสมกับความกว้างของบ่อปลาคราฟ
2. ในการล้างบ่อปลาคราฟควรเน้นการล้างทำความสะอาดบ่อกรองแทนการล้างบ่อปลาคราฟโดยตรงเพราะอาจทำให้ปลาคราฟช็อกน้ำที่เปลี่ยนใหม่ได้ โดยวิธีการคือบล็อกน้ำระหว่างบ่อเลี้ยงปลาคราฟกับบ่อกรอง ดูดน้ำในบ่อกรองทิ้งแล้วน้ำน้ำในบ่อเลี้ยงมาทำความสะอาดบ่อกรองแทนการใช้น้ำประปาโดยตรงเพื่อป้องกันคลอรีน
3. ในขั้นตอนของการดูดน้ำออกจากบ่อและกำจัดสิ่งปฏิกูลอาจเหลือตะไคร่น้ำไว้เพราะเป็นแหล่งอาหารของปลาคราฟและสามารถช่วยดูดสิ่งสกปรกหรือแอมโมเนียในน้ำ
4. ใส่จุลินทรีย์ปรับสภาพน้ำทุกครั้งหลังเปลี่ยนน้ำในบ่อปลาคราฟและบ่อกรอง
5. ดูดล้างตะกอนออกจากบ่อกรองบ่อยๆ และให้อาหารพอเหมาะกับจำนวนปลาคราฟ ไม่ให้อาหารปลาคราฟมากเกินไปจนเหลือเพราะจะทำให้น้ำในบ่อปลาคราฟเสียได้

ปลา

เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับมือใหม่หัดเลี้ยงปลาคราฟ ?
สำหรับคนที่กำลังสนใจที่จะเลี้ยงปลาคราฟ หรือต้องการเพาะพันธุ์ปลา ก็สามารถนำเอาเคล็ดลับต่างๆ นี้ไปใช้กันได้ เพราะการจะเลี้ยงปลาชนิดนี้ต้องใช้ความดูแลและเอาใจใส่อย่างมาก ยิ่งหากต้องการทำกำไรยิ่งต้องเลี้ยงดูให้ดี เพราะปลาคราฟราคาค่อนข้างสูงตามสายพันธุ์และการเลี้ยงดู แต่ถ้าหากต้องการเลี้ยงไว้ดูเล่น การรู้ถึงวิธีการเลี้ยงที่ถูกวิธี จะช่วยให้ปลาที่เราเลี้ยงมีอายุยืนยาว และออกลูกสวยๆ ให้เราได้เห็นนั่นเอง

Facebook Comments Box