Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors

Future of Jobs Report ทักษะที่สำคัญในอนาคตตลาดแรงงานปี 2570

World Economic Forum พูดถึงอนาคตของงานและทักษะที่จำเป็นในปี 2570 โดยอ้างอิงจากรายงาน Future of Jobs 2023 ซึ่งวิเคราะห์ข้อมูลจากบริษัทชั้นนำกว่า 800 แห่งใน 34 ประเทศ ครอบคลุมพนักงานมากกว่า 133 ล้านคน รายงานนี้ระบุว่าโลกของงานกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกแง่มุมของชีวิต ส่งผลต่อทักษะที่จำเป็นสำหรับงานในอนาคต

ตั้งแต่เกิดโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงในแง่ของเศรษฐกิจ และตลาดแรงงานอย่างมาก โดยอย่างยิ่งในแง่ของเครื่องมือ และเทคโนโลยี ที่พัฒนาแบบก้าวกระโดด รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคก็เปลี่ยนไป ส่งผลให้องค์กร บริษัท ต้องมีการปรับเปลี่ยน ปัจจุบันเศรษฐกิจต้องขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยเทคโนโลยีอย่างยั่งยืน ส่งผลให้เกิดตลาดอาชีพ ตลาดแรงงานใหม่ และกลุ่มอาชีพบางอย่างมีความต้องการลดลง และอาจจะหายไปในอนาคต

          จากรายงานกล่าวว่า ภายในปี 2570 ทักษะหลักของพนักงานทั่วโลกกว่าร้อยละ 44 จะหมดอายุ เป็นทักษะที่ไม่จำเป็นต่อความต้องการในตลาดแรงงาน เนื่องจากจะมีเทคโนโลยี รวมถึงเอไอ เข้ามาช่วยในเรื่องดังกล่าว ดังนั้นซึ่งที่ต้องเรียนรู้คือทักษะใหม่ ๆ ที่คนทำงานต้องมีเพื่อสนองเป้าหมายตลาดแรงงานในอนาคตโดยทักษะเด่นที่จำเป็นแน่นอนในปีนี้คือเรื่อง AI หรือทักษะการใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อช่วยเหลืองาน แต่ทักษะที่มาเป็นอับดับหนึ่งคือการคิดเชิงวิเคราะห์ รวมไปถึงทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ ถือเป็นทักษะหลัก ๆ ที่ตลาดแรงงานในอนาคตจะมองหาบุคลากรเข้ามาทำงาน

“ตลาดแรงงานมุ่งเน้นและเพิ่มความสนใจในคนที่มีความคิดเชิงวิเคราะห์ ผู้คนที่มีความคิดสร้างสรรค์”

Saadia Zahidi กรรมการผู้จัดการของ World Economic Forum

10 ทักษะสำคัญที่พนักงานควรมีได้แก่อะไรบ้าง

1. การคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytical Thinking):

การคิดเชิงวิเคราะห์เกี่ยวข้องกับการรวบรวมและประเมินข้อมูลเพื่อทำการตัดสินใจที่มีเหตุผลและสมเหตุสมผล ทักษะนี้สำคัญในโลกที่มีข้อมูลมากมายที่ต้องประมวลผลอย่างรวดเร็ว

ตัวอย่าง: การวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน การวิเคราะห์แนวโน้มตลาด และการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนในธุรกิจ รวมถึงงานในองค์กร

2. การคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative Thinking):

การคิดเชิงสร้างสรรค์คือความสามารถในการคิดนอกกรอบและหาวิธีการใหม่ๆ ในการแก้ปัญหาและสร้างโอกาส ทักษะนี้สำคัญสำหรับนวัตกรรมและการพัฒนาในองค์กร

ตัวอย่าง: การออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ การพัฒนากลยุทธ์การตลาดที่เป็นเอกลักษณ์ และการบริการลูกค้าในรูปแบบใหม่ ๆ ที่สร้างสรรค์มากขึ้น

3. ความยืดหยุ่นและการคล่องตัว (Resilience and Flexibility):

ความยืดหยุ่นคือความสามารถในการปรับตัวและฟื้นตัวจากความยากลำบากหรือการเปลี่ยนแปลง การคล่องตัวหมายถึงความสามารถในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในสถานการณ์ที่หลากหลาย

ตัวอย่าง: การปรับตัวกับเทคโนโลยีใหม่ การจัดการกับสถานการณ์วิกฤติ และการทำงานในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง

4. การมีแรงจูงใจ (Motivation):

แรงจูงใจเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้บุคคลทำงานให้สำเร็จลุล่วงและตั้งเป้าหมาย ทักษะนี้เกี่ยวข้องกับการตั้งเป้าหมายส่วนตัวและการพัฒนาตนเอง

ตัวอย่าง: การตั้งเป้าหมายการทำงาน การพัฒนาตนเองผ่านการเรียนรู้ และการสร้างแรงจูงใจให้ทีม

5. การเรียนรู้ตลอดชีวิตและความอยากรู้อยากเห็น (Lifelong Learning and Curiosity):

การเรียนรู้ตลอดชีวิตคือความมุ่งมั่นในการพัฒนาทักษะและความรู้ใหม่ๆ ตลอดช่วงชีวิต ความอยากรู้อยากเห็นคือการมีความกระตือรือร้นในการค้นหาข้อมูลและความรู้ใหม่ๆ

ตัวอย่าง: การเข้าร่วมหลักสูตรออนไลน์ การอ่านหนังสือและบทความที่เกี่ยวข้อง และการเข้าร่วมการประชุมสัมมนา พัฒนาองค์ความรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ

6. ความสามารถด้านเทคโนโลยี (Technological Literacy):

ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ ทักษะนี้สำคัญในยุคที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในทุกภาคส่วน

ตัวอย่าง: การใช้งานซอฟต์แวร์เฉพาะทาง การเขียนโค้ดเบื้องต้น และการเข้าใจแนวโน้มเทคโนโลยี มีพื้นฐานในการใช้งานระบบสารสนเทศในองค์กร

7. ตาไว เห็นรายละเอียด (Attention to Detail):

การให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้แน่ใจว่างานที่ทำมีความถูกต้องและสมบูรณ์ ทักษะนี้สำคัญในการลดข้อผิดพลาดและเพิ่มคุณภาพของงาน

ตัวอย่าง: การตรวจสอบเอกสาร การควบคุมคุณภาพในกระบวนการผลิต และการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด

8. การเอาใจใส่ เป็นผู้ฟังที่ดี (Empathy and Active Listening):

การเอาใจใส่คือความสามารถในการเข้าใจและแบ่งปันความรู้สึกของผู้อื่น การฟังอย่างตั้งใจคือการให้ความสำคัญและตอบสนองต่อข้อมูลที่ได้รับอย่างเหมาะสม

ตัวอย่าง: การให้คำปรึกษา การทำงานเป็นทีม และการแก้ไขความขัดแย้ง

9. ทักษะความเป็นผู้นำ (Leadership Skills):

ทักษะความเป็นผู้นำคือความสามารถในการนำทีมและบุคคลไปสู่เป้าหมายที่กำหนด ทักษะนี้รวมถึงการสร้างแรงจูงใจ การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และการตัดสินใจ

ตัวอย่าง: การจัดการทีม การกำหนดวิสัยทัศน์และเป้าหมาย และการประเมินผลการทำงานของทีม

10. ควบคุมคุณภาพ (Quality Control):

การควบคุมคุณภาพเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบและรักษามาตรฐานคุณภาพในกระบวนการผลิตและบริการ เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าและบริการตรงตามความคาดหวังของลูกค้า

ตัวอย่าง: การทดสอบผลิตภัณฑ์ การวิเคราะห์ข้อผิดพลาด และการปรับปรุงกระบวนการ


อ้างอิง

World Economic Forum

Facebook Comments Box