
Carbon Footprint ของอาหาร: เรากินอย่างไรให้รักษ์โลก
ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง หลายคนเริ่มหันมาสนใจเรื่อง Carbon Footprint หรือ “รอยเท้าคาร์บอน” ซึ่งเป็นตัวชี้วัดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยออกมาในแต่ละกิจกรรมของมนุษย์ รวมถึงการกินอาหารของเราด้วย
อาหารที่เรากินทุกวันอาจดูธรรมดา แต่เบื้องหลังมีการผลิต ขนส่ง และกระบวนการต่างๆ ที่ล้วนปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซอื่นๆ สู่ชั้นบรรยากาศ แล้วเราจะกินอย่างไรให้รักษ์โลกมากขึ้นได้บ้าง? มาดูกัน
Carbon Footprint คืออะไร?
Carbon Footprint หมายถึง ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาโดยตรงหรือโดยอ้อมจากกิจกรรมหนึ่งๆ โดยวัดเป็นหน่วย กิโลกรัมของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (kgCO₂e)
สำหรับอาหาร รอยเท้าคาร์บอนเกิดขึ้นตลอดห่วงโซ่ ตั้งแต่ การเพาะปลูกหรือเลี้ยงสัตว์ การแปรรูป การขนส่ง การเก็บรักษาในซุปเปอร์มาร์เก็ต และแม้กระทั่งการห่อบรรจุภัณฑ์
อาหารแต่ละประเภทปล่อยคาร์บอนมากน้อยไม่เท่ากัน
ประเภทอาหาร | Carbon Footprint โดยเฉลี่ย (kgCO₂e ต่อ 1 กก.) |
---|---|
เนื้อวัว (beef) | 27.0 |
เนื้อหมู (pork) | 12.1 |
เนื้อไก่ (chicken) | 6.9 |
ชีส (cheese) | 13.5 |
ข้าว (rice) | 2.7 |
ผัก (vegetables) | 2.0 หรือน้อยกว่า |
พืชตระกูลถั่ว | 0.9 |
ที่มาข้อมูล: Our World in Data (2023)
อาหารจากสัตว์ โดยเฉพาะวัวและชีส มีการปล่อยคาร์บอนสูง เพราะใช้ทรัพยากรมาก เช่น อาหารสัตว์ พลังงาน น้ำ และปล่อยมีเทนจากระบบย่อยอาหารของสัตว์
เราจะกินอย่างไรให้ลดรอยเท้าคาร์บอน?
การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในการเลือกกินสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างมากต่อโลกใบนี้ ลองทำตามแนวทางต่อไปนี้:
1. กินพืชให้มากขึ้น
อาหารจากพืช เช่น ถั่ว เห็ด ผัก และธัญพืช มีรอยเท้าคาร์บอนต่ำ
อาจไม่ต้องงดเนื้อทั้งหมด แต่แค่ลดความถี่ก็ช่วยได้
2. เลือกอาหารท้องถิ่นและตามฤดูกาล
ลดการขนส่งทางไกลและการเก็บในห้องเย็น
สนับสนุนเกษตรกรในชุมชน
3. ลดขยะอาหาร (Food Waste)
วางแผนการซื้อให้ดี
เก็บอาหารให้ถูกวิธี
เหลือจากมื้อก่อนสามารถนำมาแปรรูปได้อีกหลายอย่าง
4. เลือกสินค้าที่แสดง Carbon Label
บางแบรนด์ในยุโรปหรือญี่ปุ่นเริ่มแสดงค่าคาร์บอนบนฉลาก
เป็นเครื่องมือช่วยตัดสินใจที่ดี
เครื่องมือช่วยวัดรอยเท้าคาร์บอนของอาหาร
WWF Footprint Calculator: ประเมินรอยเท้าทั้งชีวิตรวมถึงอาหาร
“My Emissions”: เว็บไซต์เปรียบเทียบรอยเท้าคาร์บอนของเมนูอาหาร
Too Good To Go: แอปช่วยลดขยะอาหารจากร้านค้า

กิจกรรมที่ทำเป็นประจำอยู่ในทุก ๆ วันสามารถสร้าง Carbon Footprint ได้ ตัวอย่าง การดื่มกาแฟเพียงหนึ่งแก้วก็เกี่ยวข้องกับ Carbon Footprint หลายขั้นตอน ดังนี้
• การปลูกและเก็บเกี่ยว ใช้ที่ดิน น้ำ และปุ๋ย กระบวนการเหล่านี้ปล่อยก๊าซมีเทนจากปุ๋ย และการใช้เครื่องจักในการเก็บเกี่ยว
• การขนส่ง เมล็ดกาแฟส่วนใหญ่ต้องขนส่งจากประเทศผู้ผลิต เช่น บราซิล เอธิโอเปีย ทั้งทางเรือและทางรถยนต์
• การคั่วและบรรจุ ใช้พลังงานแก๊สหรือไฟฟ้า
• การชงกาแฟ เมื่อใช้น้ำร้อนและเครื่องชงกาแฟเป็นการใช้พลังงานไฟฟ้า รวมถึงการทิ้งแก้วก็เป็นการเพิ่มขยะ หากไม่จัดการอย่างเหมาะสม
โดยกาแฟดำหนึ่งแก้วสร้างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 23 กรัม
ที่มา : เว็บไซต์ https://vekin.tech/